‘Coffee Badging’ เทรนด์ใหม่พนักงานออฟฟิศ! ที่เน้นมาจิบกาแฟชิลๆ ไม่ได้ทำงานเต็มวัน ถือเป็นการแสดงพฤติกรรมประท้วงเบาๆ ทางอ้อมหลังจากโดนเปลี่ยนกฎจาก Work From Home ทำงานที่บ้าน ให้มาทำงานปรากฎตัวที่ทำงานบ้างตามแต่ละวันที่ออฟฟิศกำหนด
ช่วงนี้ได้มีคำศัพท์ออกมาใหม่ที่กำลังใช้กันอย่างแพร่หลายในที่ทำงาน โดยคำว่า ‘Coffee Badging’ หมายถึง พฤติกรรมของเหล่าพนักงานที่ถูกเจ้านายหรือหัวหน้ายกเลิกการ Work From Home แล้วกดดันให้กลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศตามเดิมหลังจากสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ
‘Coffee Badging’ คือ อะไรกันแน่?
พฤติกรรมดังกล่าวเสมือนเป็นการติดป้ายสัญลักษณ์ประท้วงทางอ้อม อันเกิดขึ้นจากภาวะจำยอมของเหล่าพนักงานที่ต้องเสียเวลาเดินทางมาถึงที่ทำงานแทนการ WFH ก่อนหน้านี้เพื่อให้หัวหน้าหรือเจ้านายได้เห็น โดยพวกเขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันหมดไปกับการพูดคุยทักทาย ดื่มกาแฟกับเพื่อนร่วมงาน หลังจากนั้นพวกเขาก็จะกลับไปทำงานต่อที่บ้านให้เสร็จ
ทำไม ‘Coffee Badging’ ถึงกลายเป็นประเด็น?
เมื่อสถานการณ์ covid-19 คลี่คลาย หลายธุรกิจจำนวนมากมีนโยบายให้พนักงานกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศตามปกติ โดยระบุจำนวนวันต่อสัปดาห์ แต่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาการเข้า-ออกที่พนักงานงานจะต้องอยู่ภายในสำนักงาน และเนื่องจากความคลุมเครือไม่ชัดเจนของกฎระเบียบดังกล่าวนี้เอง เหล่าพนักงานจึงพร้อมใจกันติดป้าย ‘Coffee Badging’ ประท้วงทางอ้อม ซึ่งก็ยังถือว่าเป็นการสร้างสมดุลให้แก่เหล่าพนักงานที่ชอบการ WFH แต่ยังคงความยืดหยุ่นในการปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ออฟฟิศกำหนดไว้
ใครเข้าข่ายเป็นกลุ่ม ‘Coffee Badging’
จากข้อมูลการรายงานของ Owl Labs บริษัทผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีและเป็นผู้นำด้านการทำงานแบบไฮบริด พบว่า 58% ของคนทำงานแบบไฮบริดต้องมีบางวันเข้ามาแสดงตัวตนในออฟฟิศคือ กลุ่มหลักของพฤติกรรมที่ว่านี้ อีกทั้งในรายงานยังระบุด้วยว่า 62% มักจะเป็นเพศชายมากกว่าผู้หญิง เพราะมีแนวโน้มในการดื่มกาแฟมากกว่า และยังรู้สึกสบายใจมากกว่าที่จะฝ่าฝืนกฎเกณฑ์เล็กๆ น้อยๆ ในที่ทำงานบ้าง
ทั้งนี้ กลุ่มคนยุค Millennials หรือ Gen Y คือกลุ่มที่แสดงตัวตนในแบบ ‘Coffee Badging’ มากที่สุด เพราะพวกเขาคุ้นเคยกับการทำงานแบบผสมผสานและต้องการตัวเลือกที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ขณะที่กลุ่มคน Gen Z นั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพการทำงานจึงอาจจะยังรู้สึกไม่มั่นใจที่จะทำพฤติกรรมในแบบเดียวกัน
ข้อดีและข้อเสียของพฤติกรรม ‘Coffee Badging’
การแสดงตนในรูปแบบ ‘Coffee Badging’ นี้ มีข้อดี คือ พนักงานจะได้มีวิธีในการเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมงานและปฏิบัติตามข้อกำหนดของสำนักงานโดยไม่ละทิ้งสิทธิพิเศษในการทำงานจากระยะไกล หรือ WFH ที่บ้าน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้พวกเขารักษาสมดุลระหว่างพาร์ทของการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้
ในส่วนของข้อเสีย คือ เหล่าพนักงานที่ชื่นชอบการทำงานแบบ WFH เห็นว่าพวกเขายังสามารถสร้างผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการทำงานระยะไกล ดังนั้นการไปปรากฎตัวในที่ทำงานเพื่อให้เจ้านายเห็นหน้าในออฟฟิศกลายเป็นการเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของเทรนด์พฤติกรรม Coffee Badging’ นี้ ยังเป็นตัวแสดงให้เห็นถึงการพูดถึงประเด็นเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวางมากเกี่ยวกับอนาคตของการทำงานว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน? ขณะเดี่ยวกันกลุ่มนายจ้างหรือบริษัทต่างๆ ก็ต้องต่อสู้กับการจัดการพนักงานแบบไฮบริดและระยะไกล โดยพวกเขาอาจจะต้องมานั่งคิดทบทวนดูใหม่ว่าจะวัดผลประสิทธิภาพการทำงานอย่างไร และจะเสนอสิ่งจูงใจในรูปแบบใดเพื่อกระตุ้นให้พนักงานใช้เวลาในสำนักงานมากขึ้น
แปลและเรียบเรียงจากบทความ : Coffee Badging Is The New Workplace Trend Where Employees Go In To Grab A Coffee, Say Hi and Avoid A Full Day At The Office
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 50 บริษัท ที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด ประจำปี 2025
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine