เปิดวิสัยทัศน์ 'ธีรนันท์ ศรีหงส์' ประธานคนใหม่ TMA มุ่งความเติบโตยั่งยืนยุคดิจิทัล - Forbes Thailand

เปิดวิสัยทัศน์ 'ธีรนันท์ ศรีหงส์' ประธานคนใหม่ TMA มุ่งความเติบโตยั่งยืนยุคดิจิทัล

FORBES THAILAND / ADMIN
25 Jun 2018 | 06:03 PM
READ 11482

'ธีรนันท์ ศรีหงส์' ประธานคนใหม่ TMA ยุคดิจิทัล เปิดวิสัยทัศน์ ยก 3 เป้าหมายหลักประสิทธิภาพผู้บริหารและองค์กรในประเทศไทยเติบโตอย่างเข้มแข็ง ยั่งยืน แข่งขันได้ระดับสากล แนะภาครัฐปรับเปลี่ยนวิธีการจากผู้ควบคุมเป็นผู้สนับสนุน

ธีรนันท์ ศรีหงส์ ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร กล่าวว่า ทีเอ็มเอ มุ่งเน้นการสร้างผู้บริหารที่มีคุณธรรมและความสามารถ มีเป้าหมายสูงสุด คือ เพื่อช่วยกันยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในระดับองค์กรและประเทศ ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยจากนี้จะมุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งและความพร้อมของการพัฒนาผู้บริหารในอนาคตที่ต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีดิจิทัล และนำไปใช้ประโยชน์ได้ เป้าหมาย 3 เรื่องหลัก คือ การสร้างเครือข่ายเพื่อให้เกิดความร่วมมือในกลุ่มผู้บริหารทั้งภาครัฐและเอกชน  การบริหารจัดการด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล และการพัฒนาความเป็นผู้นำ ซึ่งธุรกิจจะสำเร็จได้ต้องทำ Partnership แบ่งผลประโยชน์กัน และบริหารความเสี่ยง ทั้งนี้ การทำงานของ TMA จะสร้างโอกาสการเชื่อมโยงกับเครือข่ายกลุ่มผู้บริหารทั้งภาครัฐและเอกชนผ่านกิจกรรมต่างๆ รวมถึงแสวงหาความร่วมมือและเสาะหาองค์ความรู้จากที่ต่างๆ ทั่วโลก เช่น การร่วมมือกับ International Institute for Management Development (IMD) จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จัดกิจกรรมและงานสัมมนาเพื่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เป็นต้น ซึ่งอนาคต จะนำความรู้ที่ได้จากเครือข่ายทั่วโลกมาบูรณาการ โดยกำลังมุ่งเน้นเรื่องนวัตกรรม (Innovation) เรื่องความยั่งยืน (Sustainability) และเรื่องขีดความสามารถในด้านดิจิทัล (Digital Competitiveness) ให้ความสำคัญเรื่องวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งเรื่องดิจิทัล ที่ผ่านมา TMA ได้ริเริ่มโครงการ Agro – Food Sector Innovation ร่วมวางแผนยุทธศาสตร์และเชื่อมโยงเครือข่ายในอุตสาหกรรมอาหารมาโดยตลอด ซึ่งทำงานร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Food Innopolis ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ในการเสาะหาแหล่งองค์ความรู้เชื่อมโยงเครือข่ายและช่วยสนับสนุนการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็น Food Innovation Hub ในภูมิภาค

เป้าหมายปลายทางที่ต้องการเห็น คือ ภาคธุรกิจของประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะไม่ได้ทำงานตามลำพัง ต้องมีภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคราชการสนับสนุนส่งเสริม ทั้งนี้ การจะสำเร็จผลได้ภาครัฐต้องปรับเปลี่ยนตำแหน่งจากการเป็นผู้ควบคุม สู่ผู้สนับสนุนให้ธุรกิจนั้นๆ เกิดได้ อย่างไรก็ตาม รัฐยังคงความเป็นผู้ดูแลกฎกติกาอยู่

หลักสูตรผู้บริหารในอนาคต

กิจกรรมของ TMA มุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นผู้นำ สร้างทักษะ ความรู้ความสามารถที่จะนำไปใช้จริงในการทำงาน โดยกำลังพัฒนาหลักสูตรสร้าง Leaders of the Future ร่วมกับสถาบันชั้นนำของโลกหลายแห่ง เพื่อให้ทันความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน การออกแบบหลักสูตรจะทำแบบสอบถามความต้องการของนักธุรกิจที่หลักๆ เป็นสมาชิกของ TMA อยู่แล้ว และมีพันธมิตรทางธุรกิจอยู่ต่างประเทศ จะทราบว่า แนวคิดความต้องการของผู้นำธุรกิจในต่างประเทศเป็นอย่างไร จะนำเสนอความต้องการให้พัฒนาองค์ความรู้ด้านใดบ้าง เป็นการผสมผสานให้เข้ากับความต้องการของธุรกิจในประเทศและต่างประเทศเข้าด้วยกัน ทำให้จำนวนผู้เข้าเรียนเพิ่มมากขึ้นเกินเป้าหมายในปีที่ 2 และมีแนวโน้มจะเพิ่มอีกมากในปีต่อไป วรรณวีรา รัชฎาวงศ์ กรรมการบริหาร TMA เผยที่มาของเนื้อหาของหลักสูตรพัฒนานักบริหารรุ่นใหม่ว่า ได้สำรวจความเห็นของซีอีโอระดับ Top 100 ท่านของประเทศไทยถึงประเด็นอนาคต ถ้าประเทศไทยจะก้าวหน้าต่อไปได้ผู้บริหารต้องมีลักษณะอย่างไรบ้าง ได้คำตอบว่า ต้องมีเรื่อง Global Mindset, Communication, Agility, Diversity Management ความตระหนักรู้ ความยั่งยืน การบริหารจัดการคน รวมกับความต้องการของสมาชิก TMA นำมาสร้างหลักสูตรให้ง่ายขึ้น มีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ และมีประโยชน์ต่อการใช้งานได้จริง เช่น เรื่อง Digital Literacy, Innovation, Business Sustainability มีองค์กรใหญ่ๆ ที่เป็นสมาชิก เช่น เอสซีจี, เบทาโกร , ปตท, ไทยออยล์, อะเมซอน ฯลฯ “นอกจากนี้ TMA ยังมีโครงการ “สร้างนักบริหารดีและเก่ง” เป็นการจัดแคมป์ให้กับน้องๆ นิสิตนักศึกษา เพื่อให้ได้มีโอกาสเรียนรู้เนื้อหาจากผู้บริหาร และพานักศึกษาไปเข้าแคมป์เพื่อศึกษาดูงานจริง โดยปีที่แล้วมีการสอนเรื่อง Global Mindset ซึ่งได้รับเกียรติจากคุณธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เป็นผู้สอนด้วยตัวเอง เป็นต้น” วรรณวีรา กล่าวทิ้งท้าย