เช็กตัวตนออนไลน์ของคุณให้ดี เมื่อบริษัทยุคใหม่เลือกจ้างพนักงานจากการเสิร์ช Google - Forbes Thailand

เช็กตัวตนออนไลน์ของคุณให้ดี เมื่อบริษัทยุคใหม่เลือกจ้างพนักงานจากการเสิร์ช Google

เหตุที่คนยุคมิลเลนเนียมนิยม Facebook เป็นเพราะ Facebook สามารถใช้ ‘ส่อง’ ประวัติของคนที่ต้องการได้ง่ายๆ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าอาจมีคนแอบดูประวัติออนไลน์ของเราบนสื่อสังคมและค้นหาข้อมูลของเราด้วย Google ได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เมื่อเราสมัครงาน

จากการเก็บสถิติของ CareerBuilder เว็บไซต์หางานในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย พบว่า 35% ของนายจ้างมีแนวโน้มที่จะเรียกสัมภาษณ์ผู้สมัครงานรายนั้นๆ ต่ำลง หากพวกเขาไม่มีประวัติบนโลกออนไลน์ สถิตินี้ถูกคาดการณ์ว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อธุรกิจจำนวนมากเริ่มทำกิจการบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ต้นเหตุของสถิตินี้เกิดจากนายจ้างพบว่าการเลือกผู้สมัครที่เหมาะสมกับงานทำได้ง่ายขึ้นเมื่อสืบค้นข้อมูลของพวกเขาบนโลกออนไลน์ อะไรบ้างที่นายจ้างจะเพ่งเล็งเป็นพิเศษ? การศึกษาโดย GoDaddy ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง เปิดเผยว่า 5 สิ่งที่ผู้สมัครงานจะถูกตรวจสอบบนโลกออนไลน์มากที่สุด ได้แก่
  1. ความคิดเห็นที่เป็นการเหยียดหรืออคติต่อสิ่งต่างๆ เช่น เชื้อชาติ, ศาสนา, เพศ ฯลฯ
  2. ความเป็นมืออาชีพในการทำงาน
  3. ความคิดเห็นทางลบต่อนายจ้างคนก่อนหรือเพื่อนร่วมงาน
  4. รูปภาพหรือวิดีโอที่ไม่เหมาะสม
  5. การใช้ยาเสพติด
Facebook อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณถูกตัดทิ้งจากรายชื่อว่าที่พนักงานใหม่
Haley D. Hensley ผู้จัดการด้านทรัพยากรบุคคลของ DocuLynx บริษัทโซลูชั่นด้านการบริหารจัดการข้อมูล ให้ความเห็นว่า แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใช้ตรวจสอบผู้สมัครงานมากที่สุดคือ LinkedIn ซึ่งคนส่วนใหญ่ทราบดีว่ามารยาทบน LinkedIn คือไม่ควรโพสต์เรื่องส่วนตัวหรือประเด็นที่เสี่ยงต่อการวิพากษ์วิจารณ์ลงไป และไม่ใช่เพียงแค่รูปภาพหรือข้อความที่ไม่เหมาะสมเท่านั้น ปัจจัยอื่นๆ อีกมากจะถูกนำมาพิจารณาเมื่อฝ่ายบุคคลตรวจสอบตัวตนบนโลกออนไลน์ของคนๆ หนึ่ง สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือ บุคลิกภาพและตัวตนของผู้สมัครงานในโลกออนไลน์ ในใบสมัครงาน และตัวตนจริงในระหว่างสัมภาษณ์ควรจะสอดคล้องกัน ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกเชิงบวกหรือลบก็ตาม นอกจากนี้ Hensley ยังกล่าวด้วยว่า กิจกรรมออนไลน์ที่แม้ไม่เกี่ยวข้องกับสายงานที่คุณกำลังหางานทำอยู่ ก็อาจจะมีผลอย่างมหันต์ เธอเล่าให้ฟังว่า มีคนมากมายที่เกือบจะต้องตกงานหลังโพสต์บางข้อความลงในโซเชียลมีเดียแม้กระทั่งในกลุ่มส่วนตัวก็ตาม “คติประจำใจในการใช้สื่อสังคมของฉันและเชื่อว่าทุกคนควรจะดำเนินตามคือ ‘โพสต์ให้เหมือนกับว่าทั้งโลกสามารถเห็นข้อความของคุณ’ ถ้าคุณสะดวกใจที่ใครก็ตามสามารถเห็นโพสต์นั้นได้ ถือเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าคุณกำลังเขียนข้อความในขอบเขตที่เหมาะสม” Hensley กล่าว  

พลิกวิกฤตตัวตนออนไลน์ให้กลายเป็นโอกาส

แม้ว่าจะมีคำเตือนมากมายให้เราระมัดระวังเมื่ออยู่ในโลกออนไลน์ ผู้สมัครงานควรตระหนักด้วยว่าในข้อเสียนั้นยังมีข้อได้เปรียบ ในการศึกษาของ GoDaddy ยังพบอีกว่า 1 ใน 3 ของฝ่ายทรัพยากรบุคคลมักจะค้นพบข้อมูลบนโลกออนไลน์ที่นำไปสู่การเลือกว่าจ้างผู้สมัครรายนั้น ได้แก่ ประวัติที่สนับสนุนคุณสมบัติอันเหมาะสมต่องาน, บุคลิกตรงกับวัฒนธรรมองค์กร และมีภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพ
ในจำนวนคนมากมายที่ยื่นสมัครงานตำแหน่งเดียวกัน ตัวตนบนโลกออนไลน์กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่บริษัทยุคใหม่ใช้คัดเลือกพนักงาน
Jim Hughes ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่ Red Lobster บริษัทร้านอาหารทะเล กล่าวว่า “เมื่อคุณเป็นผู้หางาน ต้องคาดการณ์ไว้ก่อนว่าบริษัทต่างๆ จะตรวจสอบประวัติสาธารณะของคุณเป็นลำดับแรก และเป็นตัวชี้วัดว่าบริษัทจะเก็บคุณไว้เป็นตัวเลือกในขั้นต่อไปหรือไม่ แม้ข้อมูลออนไลน์อาจจะไม่ใช่ใบสมัครงานอย่างเป็นทางการ แต่มันก็เหมือนๆ กับใบสมัคร เพราะเป็นส่วนผสมของประวัติส่วนตัว ทัศนคติ รวมถึงตัวตนและสไตล์ของคุณ” ตัวตนบนโลกออนไลน์ก็เหมือนส่วนขยายของใบสมัครงาน ผู้รับสมัครงานส่วนใหญ่ใช้เวลาอ่านรายละเอียดในประวัติสมัครงานของเราไม่มาก แต่สนใจสิ่งที่ผู้สมัครเขียนบนโลกออนไลน์มากกว่า โดยเฉพาะหากว่ามันสัมพันธ์กับสายงานที่สมัคร Ryan Frailich ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล Frailich Consulting กล่าวว่า “เมื่อบริษัทใช้ Google สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครงาน จะเป็นปัจจัยบวกมากหากเขา/เธอมีบุคลิกและทัศนคติกระตือรือร้นต่อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสายงาน ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งผมเคยว่าจ้างผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาวิทยาลัย และพบว่าคนๆ นั้นมีบทสนทนาใน Twitter กับคนในแวดวงการศึกษา มันเป็นแรงส่งอย่างมากเมื่อทราบว่าผู้สมัครรายนี้คิดถึงหัวข้อที่เกี่ยวกับงานแม้จะเป็นเวลาส่วนตัว และไม่ใช่แค่สมัครงานอะไรก็ได้ที่มี แต่ยื่นใบสมัครในสายงานที่เธอมีความกระตือรือร้นอย่างสูงที่จะทำ” ความจริงแล้ว ผู้หางานที่มีไหวพริบจะเล็งเห็นว่า ตัวตนออนไลน์คือจุดเริ่มต้นของการหางานมากกว่าจะเป็นตัวกรองขั้นสุดท้าย หรือเรียกได้ว่าเป็น “แบรนด์” ของคนๆ หนึ่ง การสร้างตัวตนให้เป็นคนที่สนใจหัวข้อหรือประเด็นใดเป็นพิเศษผ่านสังคมออนไลน์จะสามารถเปิดประตูสู่หน้าที่การงานได้ดียิ่งกว่าความพยายามสมัครงานแบบทั่วๆ ไปเสียอีก  

แปลและเรียบเรียงจาก What Millennial Job Seekers Need To Know About Their Online Presence โดย Kaytie Zimmerman ผู้ก่อตั้งบล็อก Optimistic Millennial ซึ่งให้คำแนะนำกับคนทำงานวัยผู้ใหญ่ตอนต้น