Wang Ning ผู้ก่อตั้งบริษัทอาร์ตทอยชั้นนำ Pop Mart International Group ทะยานสู่ทำเนียบ 10 มหาเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดในจีนเป็นครั้งแรก ด้วยพลังความป๊อปของตุ๊กตา Labubu (ลาบูบู้) ที่ขายหมดเกลี้ยงเชลฟ์ทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
Wang Ning ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานและซีอีโอ Pop Mart ได้ก้าวขึ้นมหาเป็นมหาเศรษฐีที่มั่งคั่งเป็นอันดับ 10 ของจีนจากทำเนียบมหาเศรษฐีแบบเรียลไทม์ของ Forbes โดยตัวเลข ณ วันที่ 12 มิุนายน 2025 เขามีมูลค่าทรัพย์สินรวม 2.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนใหญ่มาจากหุ้น Pop Mart ที่เขาถือครอง และกลายเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดใน 10 อันดับแรก โดยราคาหุ้น Pop Mart ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเพิ่มขึ้น 3 เท่าจนมีมูลค่ากว่า 270 เหรียญฮ่องกง (ราว 34.40 เหรียญสหรัฐฯ) ในปีนี้
อาร์ตทอยภายใต้แบรนด์ Pop Mart ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ด้วยคาแรกเตอร์มากมายที่มาในหลากหลายคอลเล็กชั่นให้สะสม แต่คาแรกเตอร์ที่มาแรงสุดในปีที่ผ่านมาเห็นจะเป็น Labubu สิ่งมีชีวิตขนฟู หูยาวชี้ตั้งคล้ายกระต่าย ตาโตน่ารัก ฟันแหลมคมวาดเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ บนใบหน้ากลมดูแป้นแล้น จากฝีมือการออกแบบของศิลปินชาวฮ่องกง Kasing Lung ซึ่งได้รับความนิยมจากบรรดาคนดังทั่วโลก ทั้ง Rihanna, Dua Lipa และ Lisa
Labubu พลิกร้านของเล่นเป็นสนามรบ หลังการปล่อยตุ๊กตาอีดิชั่นที่ 3 ในเดือนเมษายน ก็มีลูกค้าต่อสู้และตะโกนเพื่อแย่งกันซื้อตุ๊กตา Labubu ดันอย่างดุเดือดที่ร้านแห่งหนึ่งในลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยตุ๊กตาตัวหนึ่งมีราคาตั้งแต่ 13.50 ปอนด์ (18.30 เหรียญสหรัฐฯ) ไปจนถึง 50 ปอนด์ (67.70 เหรียญสหรัฐฯ) ข้ามกลับไปยังปักกิ่ง ประเทศจีน ตุ๊กตา Labubu ขนาดเท่าคนจริงมีราคาประมูลสูงถึง 1.08 ล้านหยวน (150,000 เหรียญสหรัฐฯ)

ไม่เพียงเท่านั้น ธนาคาร Ping An ของจีนก็พยายามดึงดูดลูกค้าหน้าใหม่ด้วยการมอบของเล่น Labubu ให้เป็นของสมนาคุณแก่ใครก็ตามที่เปิดบัญชีใหม่และฝากเงินมากกว่า 50,000 หยวน แต่แคมเปญดังกล่าวก็ถูกห้ามโดยฝ่ายกำกับดูแลด้านการเงินของจีนที่ชี้ว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่เหมาะสมในการดึงดูดให้ลูกค้ามาฝากเงิน
ท่ามกลางความต้องการ Labubu ที่ดูจะไร้ที่สิ้นสุด ธนาคารเพื่อการลงทุนอย่าง Deutsche Bank และ Morgan Stanley ต่างเพิ่มราคาเป้าหมาย (price target) สำหรับการซื้อหุ้น Pop Mart โดยในกรณีของ Deutsche Bank เพิ่มราคาเป้าหมายขึ้น 52% เป็น 303 เหรียญฮ่องกงต่อหุ้น เนื่องมาจากความต้องการหุ้นดังกล่าวจากทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
“ไม่ค่อยมีการ์ตูนหรือทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property หรือ IP) ของเล่นที่ทลายกำแพงวัฒนธรรมและได้รับการต้อนรับทั้งในวัฒนธรรมเอเชียและตะวันตก” Jessie Xu นักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank เขียนไว้ในบันทึกการวิจัย
ตัวแทนจาก Pop Mart กล่าวว่า บริษัทฯ ขอไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับราคาหุ้น
ทั้งนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่คิดว่าราคาหุ้นที่พุ่งทะยานจะคงอยู่ได้นาน
“โดยรวมแล้ว เราคิดว่าหุ้น Pop Mart มีมูลค่าสูงเกินจริงหากมองในระยะยาว” Jeff Zhang นักวิเคราะห์จาก Morningstar เผยผ่านอีเมล “ขณะที่ IP ตัวท็อปอย่าง Labubu มียอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เราคิดว่าความเสี่ยงของธุรกิจในระยะยาวยังอยู่ในระดับสูง เพราะความสนใจของผู้บริโภคอาจเปลี่ยนไปยัง IP อื่นๆ ของคู่แข่ง”

อย่างไรก็ตาม Kenny Ng นักกลยุทธ์การลงทุนในหลักทรัพย์จาก Everbright Securities International เผยผ่าน WeChat ว่า ความสนใจของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปเมื่อไหร่เป็นเรื่องยากจะคาดเดา การเติบโตของ Pop Mart ในระยะยาวขึ้นอยู่กับว่าทีมนักออกแบบจะสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมออกมาได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
ณ ตอนนี้ Ng มองว่าราคาหุ้นค่อนข้างแพง ปัจจุบัน Pop Mart มีมูลค่าบริษัทที่ 3.65 แสนล้านเหรียญฮ่องกงและมีการซื้อขายหุ้นสูงกว่าประมาณการรายได้ประจำปี 2025 ถึง 50 เท่า โดยผลประกอบการเบื้องต้นประจำไตรมาสแรกที่ทางบริษัทฯ ประกาศผ่านตลาดหลักทรัยพ์ฮ่องกงในเดือนเมษายน ระบุว่ายอดขายช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้โตราว 170% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าแต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่แน่นอน
Pop Mart เคยคาดการณ์เอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ว่า ยอดขายทั้งปีอาจเติบโตกว่า 50% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยอาจทะลุ 2 หมื่นล้านหยวน สำหรับปี 2024 รายได้ของบริษัทฯ โตแรง 107% แตะ 1.3 หมื่นล้านหยวน ส่วนกำไรที่บรรดาผู้ถือหุ้นจะได้รับเพิ่มขึ้น 180% แตะ 3.1 พันล้านหยวน
Ng แนะว่านักลงทุนระยะสั้นอาจต้องรอและจับตาดู “ผมคิดว่าอาจมีโอกาสในการลงทุนหากราคาหุ้นตกลงมานิดหนึ่ง” เขากล่าว “เห็นชัดว่าราคามันไม่ถูกเลย”
แปลและเรียบเรียงจาก Pop Mart’s Wang Ning Is China’s 10th Richest Thanks To Labubu Mania
ภาพจาก Pop Mart
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Wang Chuanfu มั่งคั่งลดฮวบ เหตุนักลงทุนหวั่น ‘สงคราม EV’ หลัง BYD ประกาศลดราคาสูงสุด 34%
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine