รวยด้วยพลังอาร์ตทอย! ผู้ก่อตั้ง Pop Mart ทรัพย์สิน 5.5 พันล้านเหรียญ ผงาดทำเนียบมหาเศรษฐี Forbes ครั้งแรก - Forbes Thailand

รวยด้วยพลังอาร์ตทอย! ผู้ก่อตั้ง Pop Mart ทรัพย์สิน 5.5 พันล้านเหรียญ ผงาดทำเนียบมหาเศรษฐี Forbes ครั้งแรก

บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายของเล่นสัญชาติจีน Pop Mart International Group สร้างรายได้มหาศาลจาก ‘กล่องสุ่ม (Blind Box)’ หรือกล่องกระดาษขนาดกะทัดรัดมูลค่าราว 10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อกล่องที่ภายในบรรจุโมเดลสำหรับสะสมหรือ ‘อาร์ตทอย (Art Toy)’ เอาไว้ คุณไม่มีทางรู้ว่าโมเดลตัวไหนอยู่ในนั้นจนกว่าจะได้เปิดออกมา


    รายได้ครึ่งปีแรกของ Pop Mart ประจำปีนี้อยู่ที่ 4.6 พันล้านหยวน (ราว 642 ล้านเหรียญ) เพิ่มขึ้นเกือบสองในสามจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ในส่วนของยอดขายนอกจีนแผ่นดินใหญ่นั้นเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่า คิดเป็นหนึ่งในสามของยอดขายทั้งหมด

    จีนยังคงเป็นตลาดหลักของ Pop Mart แต่ตลาดฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากการขายกล่องสุ่มอาร์ตทอยบนช่องทางออนไลน์ เช่น Lazada และ Shopee ที่เพิ่มมากขึ้น หุ้นของบริษัทที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงก็มีมูลค่าสูงขึ้นเกือบสามเท่าเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นแรงส่งให้ Wang Ning ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอแห่ง Pop Mart ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีและปรากฏชื่อบนทำเนียบมหาเศรษฐีจีนของ Forbes เป็นครั้งแรกที่อันดับ 68 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 5.5 พันล้านเหรียญ

    Wang ที่เรียนจบด้านการโฆษณาได้เชิญชวนศิลปินมากมายทั่วโลกมาร่วมสร้างสรรค์คาแรกเตอร์สำหรับอาร์ตทอย เช่น Molly สาวน้อยผมบลอนด์ ดวงตากลมโต และหางตาชี้ จากฝีมือการออกแบบของ Kenny Wong ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

    นับตั้งแต่เริ่มต้นกิจการในปี 2010 หรือ 14 ปีก่อน Pop Mart ก็เปิดร้านมาแล้วถึง 500 สาขา โดย 400 สาขาอยู่ในจีน บริษัทมีแผนจะขยายสาขาในสหรัฐอเมริกาเพิ่มจาก 10 สาขาเป็น 20 สาขาก่อนสิ้นปีนี้

    นอกจากนี้ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Pop Mart ได้เปิดตัว Dream House เกมมือถือเกมแรกของบริษัทที่มาพร้อมคาแรกเตอร์ต่างๆ จาก Pop Mart ทั้ง Molly, Skullpanda, Dimoo และ Pucky


แปลและเรียบเรียงจาก Toy Tycoon Rides Blind Box Craze To Enter Ranks Of China’s Richest


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Pop Mart บริษัทอาร์ตทอยสุดฮอต หนุนผู้ก่อตั้งขึ้นแท่นมหาเศรษฐี

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine