Gautam Adani มหาเศรษฐีอินเดียเผยวางแผนเตรียมเกษียณส่งต่อธุรกิจให้ 4 ทายาท - Forbes Thailand

Gautam Adani มหาเศรษฐีอินเดียเผยวางแผนเตรียมเกษียณส่งต่อธุรกิจให้ 4 ทายาท

Gautam Adani มหาเศรษฐีอันดับ 17 ของโลกและอันดับ 2 ของอินเดียจากการจัดอันดับมหาเศรษฐีประจำปี 2024 โดย Forbes ประกาศแผนก้าวลงจากเก้าอี้ประธาน Adani Group และส่งต่อกิจการให้ทายาท แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาชัดเจน


    เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2024 ที่ผ่านมา สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Gautam Adani มหาเศรษฐีวัย 62 ปีชาวอินเดีย เจ้าของ Adani Group ได้เผยว่าเขากำลังเตรียมเกษียณจากตำแหน่งประธานของกลุ่มบริษัทเมื่ออายุครบ 70 ปี และจะส่งต่ออำนาจการบริหารจัดการให้แก่ทายาท 4 คน ได้แก่ ลูกชาย 2 คนคือ Karan Adani และ Jeet Adani กับหลานชายอีก 2 คนคือ Pranav Adani และ Sagar Adani ภายในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 2030s

    ทั้งนี้ Adani Group ออกมาประกาศแก้ไขในภายหลังว่ามีการสื่อสารผิดพลาด Gautam พูดถึงการส่งต่อธุรกิจก็จริง แต่ยังไม่ได้ระบุช่วงเวลาที่แน่นอน เพราะต้องมีกระบวนการค่อยเป็นค่อยไป

    Adani Group คือกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่ Gautam เริ่มก่อตั้งในปี 1988 ร่วมกับพี่น้อง Vinod Adani และ Rajesh Adani โดยเดิมเป็นบริษัทค้าขายสินค้าโภคภัณฑ์ ก่อนจะขยับขยายเข้าสู่ธุรกิจอื่นๆ เช่น การบริหารจัดการท่าเรือและสนามบิน พลังงาน เหมืองแร่ เป็นต้น ปัจจุบัน 10 บริษัทในเครือ Adani Group ที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมอยู่ที่ราว 2.13 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

    “การสืบทอดเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งต่อความยั่งยืนของธุรกิจ” Gautam กล่าว “ผมเลือกส่งต่อให้รุ่นที่ 2 เพราะการเปลี่ยนผ่านต้องเป็นธรรมชาติ ค่อยเป็นค่อยไป และเป็นระบบระเบียบ”

    ด้าน Karan, Jeet, Pranav และ Sagar ต่างก็มีตำแหน่งหน้าที่ในแต่ละธุรกิจของ Adani Group อยู่แล้ว โดย Karan เป็นกรรมการผู้จัดการ Adani Ports and SEZ , Jeet เป็นกรรมการ Adani Airports , Pranav เป็นกรรมการผู้จัดการฝั่งเกษตรกรรม น้ำมัน และก๊าซของ Adani Group ควบตำแหน่งกรรมการ Adani Enterprises และ Sagar เป็นกรรมการบริหาร Adani Green Energy

    พวกเขาบอกว่ายังคงต้องการบริหารกลุ่มบริษัทร่วมกัน จะมีการร่วมกันตัดสินใจในประเด็นสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะวิกฤตหรือการประชุมใหญ่ดังเดิม แม้ Gautam จะวางมือไปแล้วก็ตาม


Gautam Adani


    “พวกเราอาจดูแลธุรกิจกันคนละด้าน แต่เราก็เป็นเหมือนทีมเดียวกันครับ” Pranav กล่าว “สมาชิกในครอบครัวแต่ละคนที่ประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่จะมากินข้าวด้วยกันทุกวัน และพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ในวันนั้น”

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่าหากไม่มีลำดับชั้นกันอย่างเป็นทางการก็อาจทำให้การบริหารจัดการธุรกิจเป็นไปอย่างยากลำบากและสิ้นเปลืองเวลา ยิ่งเป็นธุรกิจครอบครัวที่มีมูลค่ามหาศาลด้วยแล้ว มีบริษัทจำนวนไม่มากที่สามารถส่งต่อธุรกิจไปยังทายาทรุ่นถัดๆ ไปได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการบริหารกิจการล้มเหลวในรุ่นของทายาทและสงครามแย่งชิงอำนาจในตระกูลก็เคยมีให้เห็นเป็นกรณีศึกษาทั่วโลก

    “การไม่กำหนดตัวผู้นำชัดเจนในบรรดาทั้ง 4 คนที่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องสำคัญอาจกลายเป็นข้อเสียในภายหลัง” Raphael Amit ศาสตราจารย์จากภาควิชาบริหารธุรกิจแห่งโรงเรียนธุรกิจ Wharton วิเคราะห์ “จะให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการวางขั้นตอนการแก้ปัญหาความขัดแย้งและนิยามบทบาทของทุกคนอย่างให้กระจ่างชัด”

    อย่างไรก็ตาม คนนอกตระกูล Adani ย่อมไม่อาจเข้าใจโครงสร้างเบื้องหลังของครอบครัวนี้ได้อย่างถ่องแท้ ทายาททั้ง 4 คนบอกเพียงว่าพวกเขาจะได้รับการแบ่งสรรผลประโยชน์ต่างๆ เท่ากัน

    เมื่อลองพิจารณาจากข้อมูลที่มีจะพบว่ากรณีของ Gautam นั้นมีความใกล้เคียงกับ Bernard Arnault มหาเศรษฐีเจ้าของ LVMH Group ซึ่งลูกๆ ทั้ง 5 คนของเขาต่างก็เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทโฮลดิ้งของ LVMH ที่ไม่ซ้ำกันเลย โดย Bernard ยังไม่ได้ระบุว่าใครจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประธานต่อจากเขา อย่างไรก็ตามกรณีของ Bernard ทายาทมีเพียงลูกๆ แต่ของ Gautam นั้นรวมหลานเข้ามาด้วย

    “เราทั้ง 4 คนต่างก็รู้อยู่แก่ใจกันว่าเราต้องร่วมมือกัน เพราะเราเติบโตมากับการเห็นพ่อของพวกเราทำงานด้วยกัน” Jeet กล่าวโดยอ้างอิงการที่พ่อของเขา Gautam เริ่มต้นก่อตั้งบริษัทร่วมกับลุงอย่าง Vinod และ Rajesh ทั้งยังสร้างกิจการให้เติบโตมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีด้วยกัน

    ทั้งนี้ จุดที่น่าสนใจคือตระกูล Adani ไม่ได้นำพาลูกสาวเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจด้วย แตกต่างจากนักธุรกิจชาวอินเดียคนอื่นๆ รวมถึงมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของแดนภารตะอย่าง Mukesh Ambani ที่มอบตำแหน่งอาวุโสในบริษัทให้กับทายาทสตรีของเขาแล้ว

    Karan ซึ่งดูแลฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ยอมรับว่าพวกเขายังทำได้ไม่ดีเรื่องความหลากหลายทางเพศ สาเหตุส่วนหนึ่งนั้นเนื่องมาจากรายละเอียดปลีกย่อยของแต่ละธุรกิจของครอบครัว Adani ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจท่าเรือของพวกเขามีพนักงานหญิงเพียง 3% เท่านั้น

    Karan เผยว่า “ผมไม่ได้บอกว่าการเพิ่มจำนวนแรงงานเพศหญิงนั้นเป็นไปไม่ได้เลย แต่มันยากครับ เราต้องพยายามต่อไป” ลูกสาววัยเยาว์ของเขาก็มาเยี่ยมเยียนสำนักงานอยู่บ่อยครั้ง และเขาเองก็หวังว่าวันหนึ่งจะให้พวกเธอได้มีส่วนร่วมในกิจการ


(จากซ้าย) Sagar, Pranav, Karan และ Jeet Adani


    อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องใส่ใจคือเหตุการณ์ที่ Hindenburg Research ออกมาเปิดโปง Adani Group เกี่ยวกับความโปร่งใสเมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมา ว่ามีการตกแต่งบัญชี ปั่นหุ้น และฟอกเงิน พาให้รัฐบาลอินเดียนำโดยนายกรัฐมนตรี Narendra Modi ซึ่งกล่าวกันว่าหนุนหลัง Adani Group อยู่ต้องเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงตามไปด้วย

    ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา Hindenburg Research ได้เผยแพร่แถลงการณ์วิจารณ์สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของอินเดีย (SEBI) ว่าล้มเหลวในการปราบปรามทุจริต หลังได้รับจดหมายจากทาง SEBI ว่ารายงานของ Hindenberg เกี่ยวกับ Adani Group มีการบิดเบือนข้อมูลและสร้างความเข้าใจผิด

    “รายงานของเราให้ความสำคัญกับหลักฐานโดยไม่ฝักใฝ่ทางการเมืองฝ่ายใด เรามองอินเดียในฐานะประเทศอันรุ่งโรจน์ด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจอันไร้ขีดจำกัดที่ต้องเผชิญกับปัญหาฉ้อโกงและทุจริตเช่นเดียวกับทุกประเทศ” Hindenburg กล่าว “เราเชื่อว่าความโปร่งใสคือยาที่ดีที่สุดและซาบซึ้งที่ความพยายามของเราสร้างแรงกระเพื่อมที่มีความหมาย”

    ธุรกิจที่ทายาทหนุ่มทั้ง 4 คนดูแลต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของ Adani Group ทั้งสิ้น ย่อมได้รับผลกระทบโดยตรง Pranav ที่รับผิดชอบการสื่อสารเจ็บหนักสุดในบรรดาพี่น้อง ซึ่งเขาบอกกับผู้ถือหุ้นและสื่อในภายหลังว่า “เราไม่ได้สื่อสารในทิศทางที่สมควร ดังนั้นตอนนี้เราจะออกมาสื่อสารให้มากขึ้นครับ”

    โครงการต่างๆ ของ Adani Group ก็เป็นงานชิ้นใหญ่ที่หลายภาคส่วนจับตามอง เช่น การพลิกโฉม Dhavari ซึ่งเป็นย่านสลัมที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียและเอเชียภายใต้การนำของ Pranav ก่อนหน้านี้ผู้รับผิดชอบโครงการหลายรายต่างก็ล้มเหลว ทั้งความยากในการเคลื่อนย้ายประชาชนนับล้าน และแรงกดดันทางการเมือง หาก Pranav ล้มเหลวด้วยจะพาให้กลุ่มบริษัทต้องสูญเงินลงทุนมหาศาล

    ธุรกิจบริหารท่าเรือภายใต้การนำของ Karan เป็นอีกหนึ่งธุรกิจสำคัญของ Adani Group ที่ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์จาก Hindenburg เพราะมีอัตราการลาออกของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) สูง แม้ว่าตำแหน่งนี้จะนิ่งมาตั้งแต่ปี 2022 แล้วก็ตาม

    Pranav ที่อายุมากที่สุดในบรรดาทายาท 4 คนและ Karan ที่เป็นลูกชายคนโตของ Gautam เป็นตัวเก็งที่หลายคนคาดการณ์ว่าจะได้นั่งเก้าอี้ประธานต่อ อย่างไรก็ตามทั้งสองคนต่างปฏิเสธว่าไม่มีแผนจะเข้ารับตำแหน่งแต่อย่างใด

    “ผมดีใจที่พวกเขาทุกคนต่างกระหายการเติบโต ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่พบได้บ่อยในรุ่นที่ 2” Gautam กล่าว “พวกเขาต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างมรดกให้กับรุ่นถัดไป”


แหล่งที่มา:

Adani Unveils $213 Billion Succession Plan as Scrutiny Persists

Adani Group's clarification on Gautam Adani's succession plan: ‘Misquoted, didn’t specify time'


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : “จงเรียนรู้ในทุกๆ อย่าง” แนวคิดสู่ความสำเร็จจาก Satya Nadella

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine