ซีอีโอ Panasonic เผยผู้บริหารต้อง ‘ตื่นตัวต่อวิกฤต’ หรือไม่ก็ถูกเชิญออก

ซีอีโอ Panasonic เผยผู้บริหารต้อง ‘ตื่นตัวต่อวิกฤต’ หรือไม่ก็ถูกเชิญออก

Yuki Kusumi ซีอีโอแห่ง Panasonic Holdings Corporation เผยในการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า เจ้าหน้าที่ระดับบริหารจัดการจำเป็นต้องมี ‘ความตื่นตัวต่อวิกฤต’ ให้มากขึ้น มิฉะนั้นก็ต้องถูกเชิญออก พร้อมชี้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ที่ลดลง


    “หากพวกเขาไม่สามารถสร้างผลงานได้ ก็จะถูกแทนที่” Kusumi กล่าว “เหตุที่สร้างผลงานไม่ได้ ก็เพราะขาดความตื่นตัวต่อวิกฤต”

    คำพูดเหล่านี้ถือว่ารุนแรงและพบได้ไม่บ่อยนักในสังคมญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่ Panasonic ซึ่งปกติแล้วจะมีการจ้างพนักงานยาวไปจนตลอดชีวิต และไม่ค่อยมีการเชิญออก ทว่าเมื่อราวสองเดือนก่อน Kusumi ได้ออกมาแสดงความเห็นขณะพูดคุยเรื่องกลยุทธ์ที่สำนักงานในโอซาก้าว่า บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรต่ำกว่าเป้า และเขาตั้งใจลดตัวเลข ‘ธุรกิจที่มีปัญหา’ ลงให้เหลือศูนย์ภายในเดือนมีนาคมปี 2027

    นิยามคำว่า ‘ธุรกิจที่มีปัญหา’ ของเขาคือธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตต่ำ และอัตราส่วนผลตอบแทนของเงินลงทุน (ROIC) น้อยกว่าต้นทุนเฉลี่ยของกิจการ (WACC)

    หุ้นของ Panasonic ตกลงราว 4% ในปีนี้ หลังพุ่งทะยาน 26% เมื่อปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีการแข่งขันสูงขึ้น โดยดัชนี Topix เพิ่มขึ้นประมาณ 22% ในปีนี้

    Panasonic ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ปัจจุบันเป็นผู้จัดหาแบตเตอรี่รายหลักแก่ Tesla และยังมีการลงทุนในซอฟต์แวร์ ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาสถานะในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม ซึ่ง Kusumi เผยว่าความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ลดลงส่งผลกระทบต่อโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของบริษัทฯ ทำให้ไลน์ผลิตบางส่วนในโรงงานที่เขตซูมิโนเอะของโอซาก้าต้องหยุดชะงัก

    “จุดที่ผมกังวลที่สุดคือเราไม่สามารถทำกำไรมากพอจะได้รับแรงสนับสนุนจากบรรดานักลงทุน” Kusumi กล่าว “แม้ว่าราคาหุ้นต่างๆ ในญี่ปุ่นกำลังเติบโต แต่หุ้นของเราติดอยู่ที่ราว 1,300 เยน”

    การที่ราคาซื้อขายของ Panasonic อยู่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) คือสาเหตุที่ทำให้ Kusumi กังวล ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเหมือนกำลังอยู่ในสงครามซึ่งมีรัฐบาลหนุนหลัง คอยผลักดันให้บริษัทต่างๆ ยกระดับมูลค่าตลาดอันเกี่ยวข้องกับมูลค่าสินทรัพย์รวม เพื่อกระตุ้นอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี (P/BV) ให้สูงกว่า 1.0

    จากข้อมูลที่ Bloomberg รวบรวมมา อัตราส่วน P/BV ของ Panasonic ปัจจุบันอยู่ที่ 7.0 ในขณะที่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของญี่ปุ่นอีกรายอย่าง Hitachi ซึ่งมีการปรับโครงสร้างและขายสินทรัพย์ไปก่อนหน้านี้ มีราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีราว 3 เท่าตัว

    Panasonic นำโครงสร้างของบริษัทโฮลดิ้งเข้ามาใช้เมื่อ 2 ปีก่อน พร้อมยกเครื่ององค์กรตั้งเป้าให้แต่ละแผนกเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งช่วยให้ Kusumi จัดการดีลใหญ่ๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น การขายธุรกิจระบบยานยนต์ให้ Apollo Global Management ด้วยมูลค่า 3.11 แสนล้านเยน

    ณ ตอนนี้ Kusumi กำลังพยายามเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กับแผนกที่มีประสิทธิภาพในการทำงานต่ำกว่าเป้าภายในอีก 2 ปีข้างหน้า มิฉะนั้น Panasonic ก็ต้องหันมาพิจารณาตัวเองว่า ‘เป็นเจ้าของที่ดี’ ของกิจการต่างๆ ที่ครอบครองอยู่หรือเปล่า ซึ่งการเป็นเจ้าของที่ดีสำหรับเขาคือการที่ผู้ถือหุ้น รวมถึงพนักงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ และพันธมิตรสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์สูงสุดได้ ซีอีโอแห่ง Panasonic อธิบายว่าไม่มีเป้าหมายที่จะขายธุรกิจใดๆ ออกไป และย้ำว่าทุกธุรกิจต้องยืนหยัดอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง

    หลังก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งซีอีโอช่วงกลางปี 2021 Kusumi พยายามเพิ่มกระแสเงินสดเพื่อลงทุนในด้านต่างๆ โดยวางเป้าอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ไว้ที่ 10% หรือสูงกว่า ส่วนกำไรจากการดำเนินงานเขาตั้งไว้ที่ 1.5 ล้านล้านเยนภายใน 2 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนเมษายนปี 2025

    หากกล่าวถึง Panasonic แล้ว ผู้ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ขึ้นคือ Konosuke Matsushita ผู้ได้รับสมญาว่าเป็น ‘เจ้าแห่งการบริหารจัดการ’ ในญี่ปุ่น เขาเป็นผู้ผลักดันแนวคิดที่สำคัญ เช่น ความร่วมมือ ความนอบน้อม และการอุทิศเพื่อสังคม มาเป็นเสาหลักสำหรับบริษัทที่ประสบความสำเร็จ ควบคู่ไปกับการปรับตัวและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

    ณ เวลานี้ Kusumi มองสถานการณ์ของ Panasonic ว่า “การบริหารจัดการ โดยเฉพาะในระดับสูง เช่น ผู้จัดการแผนกต่างๆ และประธานของแต่ละธุรกิจ จำเป็นต้องมีความตื่นตัวต่อวิกฤต” ซึ่งวิกฤตในที่นี้ก็คือการไม่มีผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจ


แปลและเรียบเรียงจาก Panasonic CEO issues ultimatum to managers: Deliver results, or be replaced


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : นักท่องเที่ยวเลี่ยงไปปารีสช่วง ‘โอลิมปิก 2024’ กระทบยอดขายตั๋วเครื่องบินร่วงกว่า 100 ล้านยูโร

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine