ในปี 2024 ที่ผ่านมา มีชาวอเมริกันเกือบ 400,000 คนกลายเป็นเศรษฐีใหม่ หรือเฉลี่ยมากกว่า 1,000 คนต่อวัน ทำให้จำนวนเศรษฐีในสหรัฐฯ รวมอยู่ที่ 24 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 40% ของเศรษฐีทั่วโลกที่มีอยู่ราว 60 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนเศรษฐีในจีนแผ่นดินใหญ่และยุโรปตะวันตกรวมกัน ตามรายงาน UBS Global Wealth Report ประจำปี 2025
รองจากสหรัฐฯ คือจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีเศรษฐีอยู่รวม 6.3 ล้านคน โดยมีเศรษฐีเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละประมาณ 380 คน หรือเพิ่มขึ้น 2.3% จากปี 2023
ทั้งนี้ ทั่วโลกมีผู้ที่กลายเป็นเศรษฐีใหม่กว่า 680,000 คนในปี 2024 เพิ่มขึ้น 1.2% จากปีก่อนหน้า แต่จำนวนมหาเศรษฐี (billionaire) เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย อยู่ที่ 2.9 ล้านคน
กลุ่ม “เศรษฐีระดับกลาง” หรือ EMILLI (Everyday MILLIonaires) ซึ่งมีทรัพย์สินระหว่าง 1-5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีจำนวนรวมทั่วโลก 52 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 18% นับตั้งแต่ปี 2019 โดย EMILLI ถือครองทรัพย์สินรวมประมาณ 107 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งไม่ห่างจากกลุ่มเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเกิน 5 ล้านเหรียญ ซึ่งถือครองอยู่ที่ 119 ล้านล้านเหรียญมากนัก
ภูมิภาคอเมริกามีการเติบโตของความมั่งคั่งส่วนบุคคลสูงสุด เพิ่มขึ้นกว่า 11% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเติบโตไม่ถึง 3% และภูมิภาคยุโรป-ตะวันออกกลาง-แอฟริกา (EMEA) แทบไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อสิ้นปี 2024 สหรัฐฯ ครองสัดส่วนความมั่งคั่งของโลกประมาณ 35% ส่วนจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งมีประชากรจำนวนมากถือครอง 20% ที่เหลืออีก 46% กระจายอยู่ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
รายงาน “Global Wealth Report” ครั้งที่ 16 ของ UBS นิยาม “ความมั่งคั่ง” ว่าคือผลรวมของสินทรัพย์ทางการเงินและสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ ที่ถือครองโดยบุคคลลบด้วยหนี้สิน โดยแม้สหรัฐฯ จะมีจำนวนเศรษฐีมากที่สุดในโลก แต่สวิตเซอร์แลนด์กลับมีความมั่งคั่งเฉลี่ยต่อบุคคลสูงสุดอยู่ที่ 687,166 เหรียญ โดยสหรัฐฯ ตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 620,654 เหรียญ อย่างไรก็ดี สวิตเซอร์แลนด์มีประชากรราว 9 ล้านคน ในขณะที่สหรัฐฯ มีถึง 340 ล้านคน
มีการคาดการณ์อีกว่า ภายในปี 2029 โลกของเราจะมีคนกลายเป็นเศรษฐีอีกเป็นจำนวน 5.34 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 9% จากปี 2024
James Mazeau นักเศรษฐศาสตร์ของ UBS กล่าวว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าความมั่งคั่งของครัวเรือนสหรัฐฯ ปีนี้จะเติบโตช้าลงหรือไม่ ปีนี้อาจต่ำกว่าปีก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเห็นการถดถอยหรือการลดลงของความมั่งคั่ง ผมไม่คิดว่าเครื่องยนต์การเติบโตของสหรัฐฯ จะหยุดทำงาน แต่ตรงกันข้ามเลยเลยด้วยซ้ำ” เขากล่าวกับ CNBC
อ้างอิง: Forbes
ภาพ: Freepik
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 10 อันดับมหาเศรษฐีโลก ประจำปี 2025
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine
