Bernard Arnault มหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศส ซีอีโอแห่งอาณาจักรสินค้าลักชัวรี LVMH ไต่ระดับความมั่งคั่งขึ้นตลอดเดือนที่ผ่านมา จนสามารถแซงหน้า Warren Buffett ขึ้นสู่อันดับ 3 บนทำเนียบเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก
แปลและเรียบเรียงจาก LVMH’s Recent Stock Performance Propels Bernard Arnault To World’s Third Richest, Ahead Of Warren Buffett ตีพิมพ์ครั้งแรกใน forbes.com
จากผลประกอบการไตรมาสแรกของ LVMH ประกาศเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2019 ที่เป็นไปในทิศทางบวก ส่งให้ราคาหุ้นของบริษัทขยับขึ้นอีก 3% เพิ่มความมั่งคั่งให้กับ Bernard Arnault ขึ้นไปอีก 1.12 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้เขามีสินทรัพย์รวมเป็น 8.72 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะนี้ และแซงหน้า Warren Buffett พ่อมดการเงินที่มีความมั่งคั่งอยู่ที่ 8.51 หมื่นล้านเหรียญ ขึ้นเป็นเศรษฐีอันดับ 3 ของโลกแทน
ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2019 ของ LVMH นั้นเติบโตขึ้นถึง 16% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสร้างยอดขายแตะ 1.41 หมื่นล้านเหรียญซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ ผลปรากฏว่าเหล่านักช้อปไฮเอนด์ยังคงเพลิดเพลินกับการซื้อสินค้าลักชัวรีและแบรนด์สุราภายใต้อาณาจักร LVMH แม้ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าดีมานด์ในตลาดลักชัวรีโดยเฉพาะในประเทศจีนจะหดตัวลง
“เทรนด์ในตลาดที่เราคาดการณ์เมื่อปี 2018 ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรก ทุกภูมิภาคยังคงเติบโตได้ดี” สื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทระบุ
แผนกแฟชั่นและสินค้าเครื่องหนังของบริษัทภายใต้แบรนด์ดังอย่าง Christian Dior, Louis Vuitton และ Celine คือตัวเร่งการเติบโตให้กับองค์กร ด้วยยอดขายรวม 5.76 พันล้านเหรียญ เติบโตขึ้น 15% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยเฉพาะ Louis Vuitton ที่มีไตรมาสที่ดี เนื่องจาก Virgil Abloh ผู้อำนวยการฝ่ายศิลปะเสื้อผ้าผู้ชายคนใหม่ของแบรนด์สามารถสร้างผลงานได้ในปีแรกที่มาร่วมงาน ด้วยคอลเล็กชันเสื้อผ้าแนวสตรีทแวร์ของเขาผ่านการยอมรับในตลาดและทำยอดขายได้ดี แบรนด์นี้ยังมีการเปิดร้านเครื่องหนังแห่งใหม่ในฝรั่งเศสเพื่อตอบสนองดีมานด์ลูกค้าอีกด้วย
บริษัทเปิดเผยด้วยว่า Dior ซึ่งได้ตัว Kim Jones มาเป็นดีไซเนอร์คนใหม่ ก็สามารถสร้างการเติบโตดีเช่นกัน ทั้งส่วนผลิตภัณฑ์แฟชั่น เครื่องหนัง รวมถึงน้ำหอมและเครื่องสำอาง
สำหรับกลุ่มสุรา ซึ่งมียอดขายคิดเป็น 10% ในอาณาจักร LVMH มีแบรนด์เด่นที่ทำยอดขายสูงคือ Hennessy คอนญัคแบรนด์นี้เติบโตขึ้น 11% จากตลาดหลักคือสหรัฐฯ และจีน ส่วนกลุ่มสินค้าที่เติบโตต่ำสุดคือกลุ่มนาฬิกาและเครื่องประดับ โดยมีการเติบโต 4% เท่านั้น
ในฐานะที่เป็นยักษ์ใหญ่ที่สุดของกลุ่มบริษัทสินค้าลักชัวรี LVMH เป็นเสมือนตัวชี้วัดให้กับตลาด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบริษัท Kering ของ Francois Pinault ซึ่งดูแลแบรนด์ Gucci และ Balenciaga หรือบริษัท Richemont ของ Johann Rupert ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ Cartier และ Montblanc หุ้นของทั้งสองบริษัทล้วนปรับตัวขึ้นในวันเดียวกัน