เขย่าวงการเทคโนโลยีทั่วโลก! หลัง DeepSeek ได้พัฒนาระบบ AI จากการใช้ชิป H800 ของ Nvidia ในการฝึกฝน โดยได้ล่าสุดได้เปิดตัวโมเดลใหม่ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าและยังมีต้นทุนการใช้งานที่ถูกกว่า ส่งผลกระทบให้หุ้น Nvidia ร่วงดิ่งอย่างแรง 17% ภายในวันเดียว นับเป็นการเสียหายที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ราวๆ 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา DeepSeek บริษัทปัญญาประดิษฐ์ของจีนที่ได้รับเงินสนับสนุนจากบริษัท Quant ได้สร้างความแตกตื่นไปทั้งวงการเทคโนโลยีทั่วโลก หลังจากพัฒนาระบบ AI จากโมเดลที่ใช้ชิป H800 ของ Nvidia ในการฝึกฝน โดยใช้งบประมาณเพียง 6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
และยังเปิดตัวโมเดลใหม่ DeepSeek-R1 ที่มีต้นทุนการใช้งานที่ถูกกว่าและยังคงประสิทธิภาพเหนือกว่าในรูปแบบโอเพนซอร์ส เมื่อเทียบกับโมเดล o1 ของ OpenAI และ โมเดล Llama AI ของ Meta นี่จึงถือเป็นการก้าวไปสู่การพัฒนาเปลี่ยนแปลงระบบ AI ทั่วโลกและไม่ได้มีผลกระทบต่อคู่แข่งจากจีนอย่าง Nvidia เพียงอย่างเดียว
นวัตกรรมของ DeepSeek
มีรายงานว่า DeepSeek ได้ปรับโครงสร้างรากฐานของโมเดล AI โดยเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากรที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์มากกว่าการพึ่งพาฮาร์ดแวร์ แม้ว่าบริษัทจะใช้ GPU AI H100 และ H200 ของ Nvidia หลายหมื่นตัวในการฝึกอบรมโมเดลของตน แต่ก็ต้องเผชิญกับข้อจํากัดเนื่องจากการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่จํากัดการเข้าถึงชิปล่าสุด ดังนั้นเพื่อเอาชนะสิ่งนี้ DeepSeek จึงใช้การปรับแต่งทางวิศวกรรมที่เป็นนวัตกรรม
ยกตัวอย่าง เช่น รูปแบบการสื่อสารที่กําหนดเองระหว่างชิปเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการถ่ายโอนข้อมูล เทคนิคการประหยัดหน่วยความจํา และวิธีการเรียนรู้เสริมเพื่อลดความต้องการพลังงานในการคํานวณ การเพิ่มประสิทธิภาพเหล่านี้ส่งผลให้ต้นทุนลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบดั้งเดิม
ประสิทธิภาพด้านต้นทุนนี้ยังสะท้อนให้เห็นในการกําหนดราคา API สําหรับ DeepSeek-R1 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพียง 0.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อโทเค็นอินพุตล้านเหรียญ และ 2.19 เหรียญสหรัฐฯ ต่อโทเค็นเอาต์พุตหนึ่งล้านเหรียญ ซึ่งลดอัตรา API ของ OpenAI ลงอย่างมากที่ 15 เหรียญสหรัฐฯ และ 60 เหรียญสหรัฐฯ ตามลําดับ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่า DeepSeek จะสามารถขยายการเข้าถึงเทคโนโลยีดังกล่าวได้รวดเร็วแค่ไหน แต่ทั้งนี้ ความทะเยอทะยานทางการค้าของบริษัทอาจจะเผชิญกับความท้าทายจากการควบคุมการนำเข้า-ส่งออกเทคโนโลยีชิปของสหรัฐไปยังจีน รวมถึงการที่ประธานาธิบดีคนล่าสุดของอเมริกาอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศงบประมาณมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ในประเทศ
และจากปัจจัยทั้งหมดนี้ก็น่าจะส่งผลต่อความกังวลในหลายบริษัทที่จะพิจารณาใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่จากจีนหรือไม่ ซึ่งจะกลายเป็นข้อจํากัดของ DeepSeek ในการรุกขยายตลาดในแถบตะวันตกหรืออเมริกาในอนาคต
ผลกระทบต่อผู้ผลิต GPU เช่น Nvidia
Nvidia เคยได้รับประโยชน์อย่างมากจากการลงทุนใน AI ที่เพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เพิ่มความสามารถของศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อสนับสนุนการพัฒนา AI
แต่ทั้งนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่โมเดลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจาก DeepSeek ก็น่าจะเพิ่มผลกระทบของการชะลอตัวที่อาจเกิดขึ้นสําหรับผู้ผลิต GPU เช่น Nvidia ได้ และยิ่งไปกว่านั้น Nvidia เองยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจาก AMD รวมถึงลูกค้าของตัวเอง เช่น Amazon ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและปรับใช้ชิป AI ของตัวเองอีกด้วย
ทั้งหมดที่กล่าวมาได้ส่งผลกระทบต่อ Nvidia เป็นอย่างมาก เห็นได้จากตัวเลขของตลาดหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลกล่าสุดในวันที่ 27 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ได้มีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง หลังจาก DeepSeek เปิดตัวโมเดลใหม่
และจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เอง ยังส่งผลกระทบต่อหุ้น Nvidia ที่ร่วงดิ่งลงถึง 17% จนทำให้บริษัทต้องสูญเสียมูลค่าตลาดมากถึงเกือบ 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรืออยู่ที่ราวๆ 592,700 ล้านเหรียญ นับเป็นการสูญเสียมูลค่าตลาดในวันเดียวที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์การซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเลยทีเดียว
ภาพ : DeepSeek
แปลและเรียบเรียงจากบทความ : Why Is DeepSeek Sinking Nvidia Stock? และ Biggest Market Loss In History: Nvidia Stock Sheds Nearly $600 Billion As DeepSeek Shakes AI Darling
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Jensen Huang รวยลดลง 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในวันเดียว หลังนักลงทุนเทขายหุ้น Nvidia จนร่วงกว่า 17%
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine