"สิงคโปร์" แซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นอันดับ 1 ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันสูงสุดในโลก - Forbes Thailand

"สิงคโปร์" แซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นอันดับ 1 ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันสูงสุดในโลก

สิงคโปร์ ขึ้นอันดับ 1 ประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจสูงสุดในโลก แซงหน้าสหรัฐอเมริกาแชมป์เก่า ส่วนไทยขยับขึ้น 5 อันดับ มาอยู่ที่ 25

สถาบัน IMD จากสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยผลการจัดอันดับประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจปี 2019 โดยสิงคโปร์ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1 เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2010

โดย IMD ให้เหตุผลว่า สิงคโปร์มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโครงสร้างพื้นฐาน มีความพร้อมของแรงงานที่มีทักษะ มีกฎหมายคนเข้าเมืองที่ดี และมีกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างธุรกิจใหม่

ขณะที่ฮ่องกงได้อันดับ 2 เนื่องจากมีนโยบายภาษีและการลงทุนที่เอื้ออำนวยต่อนักลงทุน เช่นเดียวกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนทางธุรกิจด้วย

ส่วนสหรัฐอเมริกาที่เป็นผู้นำเมื่อปีก่อน ในปีนี้ร่วงมาอยู่ที่อันดับ 3 ซึ่งสถาบัน IMD ระบุว่า เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นนโยบายภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump “เริ่มจางหายไป

นอกจากนี้ นักวิจัยที่ทำการจัดอันดับดังกล่าวระบุอีกว่า สหรัฐฯ ยังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น การส่งออกเทคโนโลยีอ่อนแอลง และความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะที่อันดับ 4 และอันดับ 5 ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสวิตเซอร์แลนด์ขยับขึ้น 1 อันดับ เนื่องจากเศรษฐกิจเติบโต, อัตราการแลกเปลี่ยนคงที่ และมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูง ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ขยับขึ้น 2 อันดับ เป็นผลมาจากการดำเนินงานในด้านธุรกิจที่แข็งแกร่ง และประสิทธิภาพของรัฐบาล

Credit Photo : IMD
 

เศรษฐกิจเอเชียดูดี

จากการจัดอันดับทั้ง 63 ประเทศ ซึ่งใช้หลักเกณฑ์ 235 ข้อ เศรษฐกิจเอเชียนั้นเรียกได้ว่ามีสัญญาณการแข่งขันที่ดีทีเดียวโดย 11 จาก 14 ประเทศที่ติดอันดับ มีอันดับขยับขึ้นหรือได้ตำแหน่งเดิม

อย่างเช่น อินโดนีเซียที่อยู่ที่อันดับ 32 ได้ขยับขึ้นมา 11 อันดับ มากที่สุดในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยทางธุรกิจที่ดีขึ้นด้วย

ส่วนประเทศไทยในปีนี้อยู่อันดับ 25 ขยับขึ้น 5 อันดับ เพราะมีการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น

สำหรับประเทศอื่นๆ ในเอเชียที่มีอันดับขึ้น เช่น ไต้หวัน อันดับ 16, อินเดีย อันดับ 43 และฟิลิปปินส์ อันดับ 46 ขณะที่ประเทศจีน อันดับ 14 และเกาหลีใต้ อันดับ 28 ลดลงประเทศละ 1 อันดับ

ที่น่าตกใจคือ ญี่ปุ่น ที่ปีนี้ได้อันดับที่ 30 ลดลง 5 อันดับ ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ซบเซา หนี้ของภาครัฐ และบรรยากาศการลงทุนที่อ่อนตัวลง

ตรงกันข้ามกับฝั่งยุโรปที่อันดับขยับลงกันหลายประเทศ ยกเว้นสวิตเซอร์แลนด์และไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ อย่างสหราชอาณาจักรที่ยังพบกับปัญหาความไม่แน่นอนของ Brexit ทำให้ความสามารถในการแข่งขันในปีนี้ลดลง 3 อันดับ มาอยู่ที่อันดับ 23 ขณะที่โปรตุเกสในปีนี้อยู่ที่อันดับ 39 ร่วงลงถึง 6 อันดับ มากสุดในภูมิภาค

Chan Chun Sing รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม สิงคโปร์ ระบุในเฟซบุ๊กส่วนตัวนี่ถือเป็นข่าวที่สร้างกำลังใจให้กับเรา แต่เราต้องพยายามยิ่งขึ้นในการสร้างโอกาสให้กับประชาชนและธุรกิจของเรา

  แปลและเรียบเรียงโดย กนกวรรณ มากเมฆ / Online Content Writer   ที่มา