14 บริษัทที่ธุรกิจเฟื่องฟูในยาม "ไวรัสโคโรนา" ระบาด - Forbes Thailand

14 บริษัทที่ธุรกิจเฟื่องฟูในยาม "ไวรัสโคโรนา" ระบาด

การระบาดของ ไวรัสโคโรนา ได้สร้างผลกระทบที่น่ากลัวต่อภาคธุรกิจ หลายบริษัทจำต้องปลดพนักงานเป็นจำนวนมาก โดยในสหรัฐอเมริกา มีแรงงานราว 21% ของแรงงานทั้งหมด ได้ยื่นขอสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ว่างงานตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

นักเศรษฐศาสตร์หลายรายกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาน่าจะอยู่ในภาวะถดถอยแล้ว และแม้จะคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่เป็นผลพวงจากการระบาดของ ไวรัสโคโรนา และเริ่มต้นธุรกิจใหม่อีกครั้ง ตำแหน่งงานจำนวนมากที่หายไปก็ไม่อาจกลับมาได้อีก

แต่ในช่วงที่โลกกำลังปั่นป่วนนี้ บางบริษัทกลับประสบความสำเร็จจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

ร้านอาหาร, บาร์, สำนักงาน และยิมส่วนใหญ่ต่างไร้ผู้คน เนื่องจากชาวอเมริกันหลานล้านคนต้องกักตัวอยู่บ้านเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งนั่นได้สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับหลายบริษัทเลยทีเดียว

 

Activision Blizzard, Electronic Arts และ Nintendo

วิดีโอเกมสุดฮิตอย่างเกมยิงปืน, ฟุตบอล และบรรดาสัตว์สุดน่ารัก ได้สร้างการเติบโตอย่างน่าสนใจให้กับบริษัทเกมชั้นนำ

โดย Activision Blizzard กล่าวว่า เกม "Call of Duty: Modern Warfare” ซึ่งปล่อยออกมาในเดือนกันยายนปีก่อนนั้นมียอดขายหลังเปิดตัวมากกว่าเกมในตระกูล “Call of Duty” เกมอื่นๆ โดยบริษัทมียอดขายไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 1.52 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่อยู่ที่ 1.26 พันล้านเหรียญ

สำหรับ Electronic Arts หรือ EA มีรายได้ไตรมาส 4 ปีที่แล้วเติบโต 12% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลพวงมาจาก FIFA, Madden NFL และ The Sims 4 และเช่นเดียวกับ Activision รายได้อันงดงามของ EA ยังมาจากการที่ผู้คนต้องอยู่บ้านและมองหากิจกรรมอื่นๆ ทำคลายเครียด

ฟาก Nintendo ระบุเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า กำไรของปีที่แล้วเพิ่มขึ้นถึง 41% สูงสุดในรอบ 9 ปี นอกจากนี้ กำไรของสามเดือนแรกปี 2020 ยังมากกว่าไตรมาสที่แล้วถึง 3 เท่า

โดยยอดขายในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ได้รับแรงหนุนจากความสำเร็จของ "Animal Crossing: New Horizons” ซึ่งเป็นเกมสร้างเมืองในฝันบนเกาะร้าง

 

Clorox Company และ Reckitt Benckiser

ผู้คนไม่สามารถหยุดการฆ่าเชื้อ, การซักผ้า และการทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมของที่อยู่อาศัยได้ นั่นจึงส่งผลดีต่อผู้ผลิตสินค้าทำความสะอาดระดับท็อปของโลกอย่าง Clorox Company และ Reckitt Benckiser

Clorox ระบุเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ยอดขายรวมไตรมาสแรกของบริษัทปีนี้เติบโตขึ้น 15% โดยยอดขายของ Clorox ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดซึ่งรวมถึงผ้าเช็ดทำความสะอาดและน้ำยาซักผ้าขาว เติบโตพุ่งถึง 32% นอกจากนี้ดีมานด์ของผู้บริโภคยังเพิ่มขึ้นในสินค้าประเภททรายแมว และอุปกรณ์ปิ้งย่าง ทำให้ยอดขายสินค้าในครัวเรือนเพิ่มขึ้น 2%

Reckitt Benckiser บริษัทสัญชาติอังกฤษผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์อย่าง Lysol และ Dettol ก็เห็นตัวเลขที่เติบโตเช่นกัน โดยไตรมาสแรกปีนี้มียอดขายเพิ่มขึ้น 13.5% เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการสินค้ากลุ่มน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างมาก

ข้อมูลจาก Nielsen ระบุว่า ในเดือนมีนาคมและเมษายน ยอดขายของสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับฆ่าเชื้อ เติบโตขึ้นถึง 230.5% ขณะที่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอเนกประสงค์เติบโตขึ้น 109.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

 

Peloton

Peloton ผู้ผลิตอุปกรณ์ออกกำลังกายในบ้าน รวมถึงจักรยานและลู่วิ่ง รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่ามีรายรับเพิ่มขึ้น 66% และจำนวนสมาชิกในแอปพลิเคชันของ Peloton ก็เพิ่มขึ้นถึง 30% บริษัทยังปรับเพิ่มประมาณการรายได้ของทั้งปีนี้ เนื่องจากไม่คิดว่าดีมานด์จะลดลงในเร็วๆ นี้

 

Publix และ Kroger

สิ่งของจำเป็นอย่างสินค้าในครัวเรือนและอาหาร ได้สร้างประโยชน์ให้กับผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของประเทศซึ่งยังคงเปิดให้บริการในฐานะธุรกิจสำคัญ

โดย Publix เพิ่งรายงานยอดขาย 3 เดือนแรกของปีนี้ โดยพบว่ายอดขายเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 10% มาอยู่ที่ 1 พันล้านเหรียญ

หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้ไวรัสโคโรนาเป็นการระบาดครั้งใหญ่ ผู้คนในรัฐ Michigan ต่างแห่กักตุนสินค้าในกลุ่มอาหาร, น้ำดื่ม และกระดาษชำระ ทำให้สินค้าในชั้นวางที่ซูเปอร์มาร์เก็ต Kroger หมดเกลี้ยง (ภาพจาก Getty Images/AFP)

ส่วน Kroger ก็ได้รับผลบวกจากการระบาดครั้งนี้เช่นกัน โดยสินค้าที่ขายดีที่สุด ได้แก่ อาหารพร้อมทาน, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และกระดาษชำระ Kroger คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้น่าจะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

Beyond Meat

Beyond Meat รายงานว่า รายได้ของบริษัทในไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า โดยใน 3 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายของบริษัทพุ่งแตะ 97.1 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 141% จาก 40.2 ล้านเหรียญในช่วงเดียวกันปีก่อน

ผลการดำเนินงานดังกล่าวนั้นเกินความคาดหมายของเรา” Ethan Brown ซีอีโอ กล่าว โดยในสหรัฐอเมริกา ยอดขายของ Beyond Meat เพิ่มขึ้น 157% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยบริษัทผู้ผลิตเนื้อจากพืชรายนี้ยังอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่ง จากการขยับรุกเข้าไปในตลาดจีน และการที่เกิดภาวะเนื้อขาดแคลนในสหรัฐฯ

 

3M

3M ระบุว่า การระบาดของไวรัสนั้นกระตุ้นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับสินค้าสร้างความปลอดภัยส่วนบุคคล รวมถึงเสื้อกาวน์และหน้ากาก N95 ที่มีความจำเป็นต่อการแพทย์

โดยไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีรายได้เติบโต 3% มาอยู่ที่ 8.08 พันล้านเหรียญ โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลสุขภาพเติบโต 21% ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคอย่างฟองน้ำ Scotch-Brite เติบโต 4.6%

 

Wayfair และ Overstock

จากการที่คนส่วนใหญ่ต้องทำงานจากที่บ้าน ส่งผลให้พวกเขามีเวลาคิดปรับปรุงห้องของตัวเองมากขึ้น

ร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ออนไลน์อย่าง Wayfair มียอดขายในไตรมาสล่าสุดเติบโตขึ้น 20% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยผู้ค้าปลีกออนไลน์รายนี้ระบุว่าเห็นจำนวนลูกค้าใหม่และการสั่งซื้อซ้ำเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งด้วยยอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น 21% มาแตะ 9.9 ล้านคำสั่งซื้อ

ผู้ค้าเฟอร์นิเจอร์อีกรายอย่าง Rival Overstock ระบุว่า ยอดขายในเดือนเมษายนของบริษัทเพิ่มขึ้น 120% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยสินค้าหมวดของตกแต่งบ้านที่สำคัญ เป็นส่วนหลักที่สร้างการเติบโต

 

Slack และ Zoom

สำหรับคนที่ต้องทำงานระยะไกล Slack และ Zoom ได้กลายมาเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย

Slack Technologies ระบุว่า ช่วงระหว่าง 1 กุมภาพันธ์ - 25 มีนาคม บริษัทมีลูกค้าใหม่ซึ่งเป็นลูกค้าแบบชำระเงินเพิ่มขึ้น 9,000 ราย หรือเพิ่มขึ้นถึง 80% จากไตรมาสที่แล้ว และไม่เพียงจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ผู้ใช้งานยังคุยกันผ่าน Slack มากขึ้นอีกด้วยจำนวนข้อความที่ส่งของแต่ละยูสเซอร์ในแต่ละวันเพิ่มขึ้นราว 20%”

ด้าน Zoom แพลตฟอร์มสำหรับการประชุมทางไกล เป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตขึ้นมากที่สุดอย่างชัดเจน Eric Yuan ซีอีโอของ Zoom กล่าวว่า มีผู้เข้าร่วมการประชุมผ่าน Zoom มากถึง 300 ล้านคนต่อวัน จากที่ในเดือนมีนาคมมีจำนวน 200 ล้านคนต่อวัน

    แปลและเรียบเรียงจาก Business is booming for these 14 companies during the coronavirus pandemic