ไนท์แฟรงค์จัดทำรายงานความมั่งคั่งโลกปี 2017 คาดการณ์จำนวนเศรษฐีในทวีปเอเชียจะมีกว่า 8.8 หมื่นคนแซงหน้าทวีปยุโรปใน 10 ปี ด้านราคาอสังหาฯลักเซอรี่ 100 เมืองทั่วโลก ประเทศจีนกวาด 3 อันดับแรกราคาพุ่งสูงสุด
ไนท์แฟรงค์ บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์จากสหราชอาณาจักร จัดทำรายงานความมั่งคั่งโลกปี 2017 (Wealth Report 2017) จัดทำเป็นครั้งที่ 11 โดยทีมงานวิจัยไนท์แฟรงค์รายงานเกี่ยวกับจำนวนเศรษฐีผู้มีทรัพย์สินมูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไป (ประมาณ 1 พันล้านบาท) ว่า ในปี 2016 จำนวนเศรษฐีทั่วโลกมีทั้งหมด 1.93 แสนคน เพิ่มขึ้น 42% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า หรือในปี 2026 จะมีจำนวนเศรษฐีกว่า 2.76 แสนคน เพิ่มขึ้น 43%
ทั้งนี้ ปี 2016 ทวีปที่ครองแชมป์มีจำนวนเศรษฐีมากที่สุดคืออเมริกาเหนือ มีจำนวน 73,100 คน เติบโตขึ้น 31% จากช่วง 10 ปีก่อน รองมาเป็นทวีปยุโรปมีทั้งหมด 49,650 คน เติบโตเพียง 17% และทวีปเอเชียมี 46,080 คน เติบโตสูงถึง 121% จากเมื่อปี 2006
และไนท์แฟรงค์ยังคาดการณ์ต่อไปว่า ในปี 2026 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ทวีปอเมริกาเหนือจะยังมีจำนวนเศรษฐีมากที่สุดคือ 95,860 คน เติบโตสม่ำเสมอที่ 31% แต่ทวีปเอเชียจะแซงหน้าทวีปยุโรปมีจำนวนเศรษฐีถึง 88,180 คน เติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง 91% เนื่องจากทวีปยุโรปจะมีจำนวนเศรษฐีเพิ่มขึ้นเพียง 12% ส่งผลให้มีเศรษฐี 55,700 คนเท่านั้น โดยประเทศในเอเชียที่มีการเติบโตสูงมาตลอด 10 ปีและจะยังคงพุ่งสูงใน 10 ปีข้างหน้าคือ
เวียดนาม คาดว่าจะเติบโต 170%,
อินเดีย 150% และ
จีน 140%
นอกจากนี้ทวีปออสเตรเลียเป็นอีกแห่งที่น่าจับตามอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีเศรษฐี 4,220 คนเท่านั้น แต่ใน 10 ปีข้างหน้าเชื่อว่าจะเติบโตสูงถึง 70% พุ่งขึ้นเป็น 7,180 คน จากเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ ตลาดหุ้นที่แข็งแกร่ง ราคาอสังหาฯที่ให้ผลตอบแทนสูง และไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย ทำให้ดึงดูดเศรษฐีจำนวนมากให้ย้ายถิ่นฐานเข้าไปพำนัก
อสังหาฯลักเซอรี่ ‘จีน’ ราคาพุ่ง
ด้านอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นทรัพย์สินหนึ่งที่เศรษฐีทั่วโลกนิยมลงทุน โดยไนท์แฟรงค์ได้ติดตามราคาอสังหาฯระดับลักเซอรี่ใน 100 เมืองทั่วโลก (อสังหาฯระดับลักเซอรี่ในที่นี้หมายถึง อสังหาฯระดับราคาสูงคิดเป็น 5% บนสุดของตลาดนั้นๆ) จัดอันดับ 10 อันดับแรกเมืองที่ราคาอสังหาฯลักเซอรี่ปรับขึ้นสูงสุด ได้แก่
1.Shanghai ประเทศจีน เติบโต 27.4%
2.Beijing ประเทศจีน เติบโต 26.8%
3.Guangzhou ประเทศจีน เติบโต 26.6%
4.Seoul ประเทศเกาหลีใต้ เติบโต 16.61%
5.Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ เติบโต 16.0%
6.Toronto ประเทศแคนาดา เติบโต 15.1%
7.Vancouver ประเทศแคนาดา เติบโต 14.5%
8.Amsterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ เติบโต 10.1%
9.Gstaad ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เติบโต 10.0%
10.Seattle ประเทศสหรัฐอเมริกา เติบโต 9.7%
ส่วนประเทศไทยนั้นมีการจัดอันดับ 2 เมือง คือ
ภูเก็ต อยู่ในอันดับที่ 53 เติบโต 0.52% และ
กรุงเทพฯ อยู่ในอันดับที่ 55 เติบโต 0.28%
Nicholas Holt หัวหน้าฝ่ายวิจัย
ไนท์แฟรงค์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศจีนมีการเติบโตราคาอสังหาฯสูงมากจากเศรษฐกิจและนักลงทุนจีนภายในประเทศ แต่ไม่เหมาะกับการเป็นแหล่งลงทุนจากแหล่งทุนภายนอก เนื่องจากชาวต่างชาติไม่สามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ในจีนได้ นอกจากจะเข้าพักอาศัยและชำระภาษีให้กับรัฐบาลจีนอย่างน้อย 1 ปี ดังนั้นจึงค่อนข้างยากลำบากในการลงทุน
Holt แนะนำว่าทวีปที่เป็น safe heaven หรือพื้นที่ที่มีเสถียรภาพในการลงทุนอสังหาฯ ยังคงเป็นยุโรป ซึ่งหลายเมืองมีการเติบโตสม่ำเสมอ เช่น Berlin ในเยอรมนี ปีก่อนราคาอสังหาฯเติบโต 8.7%