เหตุจลาจล “เสื้อกั๊กเหลือง” ใน Paris กระทบหนักการท่องเที่ยวฝรั่งเศส - Forbes Thailand

เหตุจลาจล “เสื้อกั๊กเหลือง” ใน Paris กระทบหนักการท่องเที่ยวฝรั่งเศส

จลาจลกลางกรุง Paris ส่อกระทบการท่องเที่ยว กลุ่มผู้ประท้วงเสื้อกั๊กเหลืองเดือดจัดหลังประธานาธิบดี Macron ขึ้นภาษีน้ำมัน บุกระเบิด-เผารถยนต์-ทุบทำลายอาคารบนถนนฌ็องเซลิเซ่ ผู้ค้าหวั่นภาคท่องเที่ยวทรุดหนัก รัฐบาลฝรั่งเศสพิจารณาประกาศภาวะฉุกเฉิน

รถยนต์ที่ถูกเผาและการพ่นกราฟิตี้บนถนนสำคัญอย่างฌ็องเซลิเซ่ใจกลางกรุง Paris นับเป็นภาพการจลาจลครั้งใหญ่ของทศวรรษ การประท้วงเสื้อกั๊กเหลือง เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม 2561 ลุกลามและเกิดการปะทะระหว่างประชาชนกับตำรวจ มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 130 ราย (ในจำนวนนี้ 23 รายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ) หนึ่งในผู้ประท้วงยังอยู่ในอาการโคม่า และมีประชาชนถูกจับกุมมากกว่า 400 ราย โดย 300 รายจากกลุ่มนี้ยังคงอยู่ระหว่างควบคุมตัว

การจลาจลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังกลุ่มผู้ประท้วงชายสวมหน้ากากหลายรายเริ่มเผาทำลายรถยนต์ เข้าปะทะกับตำรวจที่พยายามเข้าควบคุมสถานการณ์ และมีการทุบหน้าต่างเพื่อบุกเข้าไปในร้านค้า ท่ามกลางสายตาของชาวปารีเซียงและนักท่องเที่ยว

การประท้วงเสื้อกั๊กเหลืองที่ฝรั่งเศส ลุกลามไปสู่การจลาจลเผารถยนต์และบุกทำลายร้านค้า (PHOTO CREDIT: ELYXANDRO CEGARRA / Anadolu Agency)

ห้างสรรพสินค้าหรูหลายแห่งใน Paris ต่างต้องเร่งอพยพนักท่องเที่ยวออกนอกพื้นที่ เช่น Place Vendome ศูนย์กลางร้านเครื่องเพชรและแบรนด์แฟชั่น รวมถึงย่านการค้า Grands Magasins โดย Printemps หนึ่งในศูนย์การค้าของย่านนี้จำเป็นต้องปิดให้บริการฉุกเฉินหลังจากผู้ประท้วงพยายามบุกเข้ามาภายในหลายครั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยของเราร้องขอให้ห้างฯ เร่งปิดบริการจากสถานการณ์ที่ตึงเครียดขึ้น โดยปกติวันเสาร์เช่นนี้เราจะมีลูกค้ามาใช้บริการ 150,000 คนตลอดทั้งวันโฆษกของ Printemps กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

 

กระทบหนักท่องเที่ยวแม้ตำรวจคุมสถานการณ์ได้

กลุ่มผู้ค้าย่านใจกลางเมืองมีการประเมินไว้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า การประท้วงดังกล่าวมีแนวโน้มทวีความรุนแรง และจะมีผลกระทบลูกโซ่ซ้ำเติมการค้าการท่องเที่ยวของฝรั่งเศสซึ่งมียอดขายต่ำลง 35% ในปีนี้

สื่อฝรั่งเศสต่างรายงานว่า ใจกลางการโจมตีและจลาจลครั้งนี้เกิดขึ้นโดยรอบประตูชัยอันเป็นสัญลักษณ์เมือง เกิดการระเบิดขึ้นหลายจุด ทำให้ประตูชัยต้องปิดซ่อมแซมตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2018 และจะยังไม่เปิดบริการจนกว่าจะเสร็จเรียบร้อย ซึ่งน่าจะยิ่งส่งผลทางลบต่อการท่องเที่ยว

การประท้วงเกิดขึ้นรอบๆ ประตูชัย ถนนฌ็องเซลิเซ่ กรุง Paris (PHOTO CREDIT: Michel Stoupak/NurPhoto)

ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตำรวจสามารถคุมสถานการณ์ได้โดยระดมพลเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5,000 นายเข้าตรึงพื้นที่จุดเสี่ยงทั้งหมด เจ้าหน้าที่ภาครัฐสามารถเข้าเคลียร์พื้นที่ ทำความสะอาดถนนในย่านที่หรูหราที่สุดของ Paris อันเต็มไปด้วยรถยนต์ที่ถูกเผา กราฟิตี้เรียกร้องให้ประธานาธิบดี Emmanuel Macron ลาออกจากตำแหน่ง รวมถึงขยะจากแก๊สน้ำตาและเศษกระจกจากร้านค้าที่ถูกทุบทำลาย

 

ประท้วงน้ำมันแพง-เรียกร้องการลาออกของ Macron

การประท้วงเสื้อกั๊กเหลือง ดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นด้วยการนัดชุมนุมโดยสงบช่วงวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านระเบียบข้อบังคับใหม่ของประธานาธิบดี Macron โดยเฉพาะนโยบายการขึ้นภาษีน้ำมัน

นโยบายดังกล่าวนับเป็นการสืบต่อวิสัยทัศน์นโยบายรักษาสิ่งแวดล้อมของรัฐบาล Francois Hollande การขึ้นภาษีน้ำมันเกิดขึ้นเพื่อลดการใช้รถยนต์ของประชาชนฝรั่งเศสซึ่งช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม

กลุ่มผู้ประท้วงมีการเผาทำลาย ส่งผลให้ตำรวจต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ มีผู้บาดเจ็บกว่า 130 คน (PHOTO CREDIT: Michel Stoupak/NurPhoto)

อย่างไรก็ตาม การประท้วงกลับทวีความไม่พอใจมากยิ่งขึ้นจนกลายเป็นการประท้วงต่อต้านรัฐบาล Macron ทั้งคณะ และเรียกร้องให้ Macron ลาออกจากตำแหน่ง จุดชนวนให้การชุมนุมเพิ่มระดับความรุนแรง

สโลแกนการชุมนุมต่อต้านเริ่มเปลี่ยนแปลงไปและทำให้เกิดความรุนแรงในวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเน้นไปที่การโจมตีประธานาธิบดี Macron ที่ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์การปกครองของชนชั้นสูงที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุน และไม่สนใจช่องว่างทางชนชั้น รวมถึงดำเนินนโยบายซึ่งทำให้มาตรฐานการครองชีพตกต่ำลง

สำนักข่าว CNN รายงานว่า ราคาน้ำมันดีเซลในฝรั่งเศสสูงขึ้น 16% ในปีนี้ โดยปรับขึ้นจาก 1.24 ยูโรต่อลิตร เป็น 1.48 ยูโรต่อลิตร และเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 1.53 ยูโรต่อลิตรในเดือนตุลาคม อ้างอิงข้อมูลจาก UFIP สมาพันธ์อุตสาหกรรมน้ำมันของฝรั่งเศส

ทั้งนี้ CNN รายงานด้วยว่าดัชนีราคาน้ำมันดิบปีนี้ปรับเพิ่มขึ้น 20% ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรก ปี 2018 จากราคา 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็น 86.07 เหรียญต่อบาร์เรลเมื่อต้นเดือนตุลาคม

การประท้วงจากความไม่พอใจนโยบายขึ้นภาษีน้ำมันของประธานาธิบดี Macron จบลงด้วยการจลาจล (PHOTO CREDIT: ELYXANDRO CEGARRA / Anadolu Agency)
 

ฝรั่งเศสอาจประกาศภาวะฉุกเฉิน

Benjamin Griveaux ฆษกรัฐบาลกล่าวผ่านการให้สัมภาษณ์กับวิทยุช่อง Europe 1 ของฝรั่งเศสว่า รัฐกำลังพิจารณาทุกแนวทางในการควบคุมสถานการณ์ ซึ่งรวมถึงการประกาศภาวะฉุกเฉินด้วย และยังกล่าวด้วยว่า การจลาจลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วม 1,000-1,500 คน โดยเชื่อว่าผู้ประท้วงเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมเสื้อกั๊กเหลืองที่เกิดขึ้นมาตลอด 2 สัปดาห์

ขณะที่ประธานาธิบดี Macron เรียกประชุมรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมออกแถลงการณ์ยืนยันว่าจะให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการจัดการในชั้นศาล เพื่อมิให้การกระทำความผิดใดๆ ถูกละเว้นจากการลงโทษ

 

ที่มา:

  • https://www.forbes.com/sites/ceciliarodriguez/2018/12/02/rioting-in-paris-yellow-vests-violence-vandalism-and-chaos-hits-tourism/#435703c836ac
  • https://edition.cnn.com/2018/12/03/europe/paris-yellow-vest-protests-intl/index.html
  • https://www.independent.co.uk/news/world/europe/paris-protests-riots-state-emergency-france-macron-yellow-vests-fuel-prices-tax-police-a8663521.html