หลังจาก Baselworld2020 ไม่สามารถจัดขึ้นได้เนื่องด้วยวิกฤตการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 MCH Group ในฐานะผู้จัดการแสดง ตัดสินใจเลื่อนการจัดงาน Baselworld ออกไปเป็นช่วงเดือนมกราคม 2021 และนี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ให้บรรดาแบรนด์ชั้นนำต่างทยอยถอนตัวใช่หรือไม่
Baselworld ถือเป็นงานแสดงนาฬิกาและอัญมณีที่เก่าแก่ที่สุดงานหนึ่งของโลก เริ่มต้นจัดงานแสดงตั้งแต่ปี 1917 และได้รับความนิยมจนมีผู้เข้าร่วมจัดแสดงราว 2,100 รายจาก 45 ประเทศทั่วโลก รวมไปถึงบรรดายักษ์ใหญ่ในวงการนาฬิกาและอัญมณี พันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรวมถึงผู้ชมที่เดินทางเข้าร่วมเฉียดหลักแสนต่อปี แต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา กลุ่มแบรนด์นาฬิกาชื่อดังอย่าง Patek Philippe, Chopard, Chanel, Rolex และ Tudor ได้ประกาศถอนตัวไม่เข้าร่วมงานBaselworld 2021 และรวมตัวจัดการแสดงนาฬิกาของตนเองควบคู่ไปกับงานแสดง “Watches and Wonders” ที่จัดโดย Foundation of Haute Horology (FHH) ที่กรุง Geneva ซึ่งคาดมีกำหนดการจัดราวเดือนเมษายน 2021 หลังการประกาศของ 5 แบรนด์ดังไม่กี่วัน LVMH Group เจ้าของแบรนด์ Zenith, Tag Heuer, Hublot และ Bulgari ได้ประกาศถอนตัว โดยมีแถลงการณ์ที่มีใจความว่า “อุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสเป็นส่วนหนึ่งของ LVMH Group ในฐานะผู้นำสินค้าหรู จึงตัดสินใจไม่ร่วมงานบาเซิลเวิลด์ 2021 เพื่อไปร่วมกับแบรนด์นาฬิกาชั้นนำของอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสที่จัดขึ้นที่เมืองเจนีวาในปี 2021 แทน” ทั้งนี้มีรายงานข่าวระบุถึงเบื้องหลังการแยกทางระหว่างผู้จัดงานและค่ายนาฬิกาชั้นนำ เนื่องจากการที่ MCH Group ได้วางกำหนดการครั้งใหม่ของงาน Baselworld ในเดือนมกราคม 2021 โดยไม่มีการหารือร่วมกับค่ายนาฬิการายสำคัญๆ รวมไปถึงเงินที่ผู้จัดแสดงที่ได้จ่ายเงินเพื่อให้ได้เข้าร่วมงานประจำปี 2020 ที่ถูกเลื่อนออกไป เป็นที่ทราบกับกันดีว่า พื้นที่จัดแสดงของงานมหกรรมนาฬิกานี้แพงลิบลับ แบรนด์ขนาดกลางต้องจ่ายอย่างน้อย 3-6 แสนเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ “ผมยินดีที่จะจ่ายเงินห้าแสนเหรียญจากบัญชีของเราเพื่อนัดพบกับคนที่สามารถทำให้เราจบการขาย” Scott Thompson ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Carat London ผู้ผลิตเครื่องประดับชั้นสูงกล่าว และให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “เรารู้จักลูกค้าของเรา Baselworld เหมือนกับ blockbuster video จากยุคที่รุ่งเรืองและกำลังหมดความนิยม” ด้าน Cedric Weisse ผู้บริหาร กลุ่ม Euro Luxury Group กล่าวย้อนไปถึงช่วงเวลานั่งบริหาร Marlox watches เจ้าของแบรนด์ดัง อาทิ Givenchy, Pierre Cardin, Joop!, Puma และ Esprit ไว้ว่า "ผู้จัดจำหน่ายของพวกเราจะมีคำสั่งซื้อนาฬิกาในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี แต่จะมีคำสั่งซื้อที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเราเข้าร่วมงานBaselworld แต่ถ้าในเวลาปกติไม่มีความต้องการสินค้าเข้ามา แปลได้ว่าต้องมีสิ่งปกติกับธุรกิจของคุณแล้ว” ในขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมนาฬิกาทั่วโลก ปี 2015 ต้องเผชิญกับวิกฤตที่กำลังซื้อและยอดขายนาฬิกาหดตัว ปี 2017 WWD สำนักข่าวออนไลน์เปิดเผยยอดขายประจำปี 2016 ของ Swatch Watch Group กลุ่มนาฬิกายักษ์ใหญ่ของสวิสที่ยอดขายของกลุ่มหายไปมากกว่า 50% เหลือเพียง 602 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับยอดขายประจำปี 2015 โดยมีความสำเร็จของ Apple watch เป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามาที่ทำให้ยอดขายหายไป ปี 2018 Swatch Watch Group ถอนตัวจากงานจัดแสดง Baselworld ในปี 2019 ที่จะมาถึง พร้อมๆ กับดึงแบรนด์นาฬิกาหรูมากกว่า 15 แบรนด์ทั้งหมดในเครือออกไป โดยเหตุผลสำคัญที่ว่า “ทิศทางของกลุ่มไม่สอดคล้องกับการจุดประสงค์ของการจัดงาน” ทั้งนี้เมื่อต้นปี 2020 สมาพันธ์อุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสได้เผยรายงานมูลค่าส่งออกของนาฬิกาสวิสประจำปี 2019 โดยมูลค่าการส่งออกรวมของอยู่ที่ 2.17 หมื่นล้านฟรังค์สวิส ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ที่ +2.4% ถือเป็นภาพรวมที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิตเซอร์แลนด์หลังต้องเผชิญวิกฤตเมื่อปี 2015 เรียบเรียงใหม่จาก Baselworld: What Went Wrong?, LVMH Group Abandons Baselworld, Leaving The Show Devoid Of Anchor Watch Brands และ Rolex, Patek Philippe, Chopard, Chanel, Tudor Announce Exit From Baselworld, Establishment Of New Event เผยแพร่บน forbes.com อินโฟกราฟิกโดย สรวงพัชร์ จริยพิสิฐไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine