เบรเกต์ (Breguet) แบรนด์หรูระดับตำนานเปิดตัว 2 เจเนอเรชั่นใหม่ของ Type XX ทั้ง Chronographe 2067 และ Chronographe 2057 โดยนาฬิกาคอลเล็กชั่นนี้ยังคงครองความเป็นไอคอนแห่งประวัติศาสตร์การบินมายาวนานกว่า 70 ปี และยังคงคอนเซ็ปต์การดีไซน์ออกแบบได้อย่างร่วมสมัยผนวกไว้ซึ่งนวัตกรรมแห่งอุปกรณ์ควบคุมความเที่ยงตรงได้อย่างลงตัว
แบรนด์หรูระดับตำนานอย่าง เบรเกต์ (Breguet) ประเทศไทย ได้จัดงานเปิดตัว 2 เจเนอเรชั่นล่าสุดของเรือนเวลาอย่าง Type XX ซึ่งถือได้ว่านาฬิการุ่นนี้เป็นไอคอนแห่งประวัติศาสตร์การบินที่มีมายาวนานกว่า 70 ปี นับตั้งแต่การรังสรรค์ขึ้นครั้งแรกในปี 1950 ของการผลิตนาฬิกาออกมาได้ตรงตามความต้องการของเหล่ากองทัพอากาศประเทศต่างๆ ให้ใช้งานได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ
เรือนเวลา Type XX Chronographe 2067 และ Type 20 Chronographe 2057 ที่ได้ทำการเปิดตัวทั้ง 2 รุ่นในครั้งนี้ มีการนำดีไซน์รูปแบบดั้งเดิมจากปี 1950 อันเป็นที่จดจำมาเป็นพื้นฐานในการออกแบบขึ้นใหม่ พร้อมเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิตแห่งยุคปัจจุบันและดีไซน์แบบร่วมสมัยผนวกเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว
สำหรับ Type XX Chronographe 2067 นั้น ได้รับคำนิยามว่าเป็น "Civilian Version" อันหมายถึงเวอร์ชั่นสำหรับพลเรือน โดยหน้าปัดสีดำของรุ่นนี้ผลิตด้วยกรรมวิธีกัลวานิกเช่นเดียวกับรุ่น 2057 แต่มีข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ วงหน้าปัดจับเวลา 15 นาที ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ส่วนหน้าปัดที่ 6 นาฬิกา จะเป็นวงจับเวลา 12 ชั่วโมง และที่ 9 นาฬิกา เป็นวงวินาที
ขนาดตัวเรือนสเตนเลสสตีลของ 2067 ยังคงเท่ากับรุ่น 2057 แต่ใช้ขอบตัวเรือนเซาะร่องฟลุตที่มีสเกล 12 ชั่วโมง สลักลงสีดำไว้ เว้นแต่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ที่เป็นร่องสามเหลี่ยมเคลือบสารเรืองแสง ส่วนเม็ดมะยมขนาดใหญ่มากับทรงคล้ายลูกข่าง โดยจับคู่มากับสายหนังวัวสีกากีเย็บด้ายสีขาวและมีสายผ้าสีดำแบบ "NATO" มาให้สลับเปลี่ยนใช้งาน ซึ่งความใส่ใจในรายละเอียดของ Breguet ยังมีการสลักชื่อ "Type XX" Ref.2067 หรือ "Type 20" Ref.2057 ไว้อย่างชัดเจนตรงตามแต่ละรุ่น
ขณะที่ Type 20 Chronographe 2057 ได้รับการนิยามว่าเป็น “Military Version” หรือเวอร์ชั่นสำหรับกองทัพ ตัวเรือนผลิตจากสเตนเลสสตีล ขนาด 42.0 มิลลิเมตร หนา 14.1 มิลลิเมตร กันน้ำได้ 100 เมตร โดยมาพร้อมขอบตัวเรือนแบบเซาะร่องฟลุตที่หมุนได้ 2 ทิศทาง ็เพื่อให้เหมือนกับรุ่นต้นฉบับที่ผลิตให้กับกองทัพอากาศในยุคก่อน ส่วนเม็ดมะยมเป็นรูปทรงลูกแพร์ชิ้นโตตามต้นฉบับเช่นกัน ขณะที่สายที่จับคู่มาจะเป็นหนังวัวสีดำและมีสาย "NATO" หรือวัสดุผ้าสีดำมาให้สลับเปลี่ยนใช้งานได้อย่างทนทาน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกลไกที่วางมาในนาฬิกาทั้ง 2 รุ่นนี้ เป็นกลไก "In-house" อัตโนมัติคาลิเบรอใหม่ที่ใช้เวลาในการพัฒนาทั้งสิ้น 4 ปี รหัสที่ให้ไว้ก็คือ Cal.728 สำหรับรุ่นพลเรือน 2067 และ Cal.7281 สำหรับรุ่นกองทัพ 2057 ทั้ง 2 คาลิเบรอนี้อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีกลไกจักรกลโครโนกราฟแบบสมัยใหม่ ด้วยความถี่การทำงานระดับสูง 36,000 ครั้ง/ชั่วโมง ผสานกับกลไกจับเวลาแบบ "Column-wheel" กับ "Vertical-clutch" สุดแสนคลาสสิกที่ชาวนาฬิกานิยมชื่นชอบผนวกเข้ากับฟังก์ชัน "Flyback" ให้สามารถกดเริ่มการจับเวลาครั้งใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องกดรีเซตก่อนซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ติดตั้งมากับกลไกของ Type XX Chronograph ทุกรุ่นตั้งแต่ปี 1954 เป็นต้นมา ทั้งนี้เพื่อประหยัดเวลา เพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้กับนักบิน และยังสามารถให้พลังงานสำรองได้นานถึง 60 ชั่วโมง
อ่านเพิ่มเติม : "98 WIRELESS" คอนโดแฟล็กชิพซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ จากแสนสิริ ครองแชมป์อสังหาฯ ราคารีเซลล์พุ่ง 1,000,000 บาท ต่อ ตร.ม.สูงสุดในไทย
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine