รพ.ยันฮี ลุยขยายลูกค้าต่างชาติ หวังรายได้ปี 67 แตะ 2,000 ล้านบาท เตรียมเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุใน 5 ปี - Forbes Thailand

รพ.ยันฮี ลุยขยายลูกค้าต่างชาติ หวังรายได้ปี 67 แตะ 2,000 ล้านบาท เตรียมเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุใน 5 ปี

โรงพยาบาลยันฮี เปิดแผนขยายฐานลูกค้าต่างชาติ หวังเพิ่มสัดส่วนจากปัจจุบันที่อยู่ราว 30% ของรายได้ทั้งหมด ขึ้นสู่ 40-50% ในอนาคต เดินหน้า Roadshow ชูบริการศัลยกรรมแปลงเพศ เจาะลูกค้าจากจีน UAE เกาหลี ญี่ปุ่น คาดรายได้ปี 2567 แตะ 2,000 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อนเพราะเศรษฐกิจยังไม่ดีนัก ส่วนอีก 5 ปีวางแผนเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ


    ทพญ.สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา กรรมการบริษัท โรงพยาบาลยันฮี เปิดเผยว่า ปี 2567 นี้ครบรอบ 40 ปี ของยันฮี โดยรพ. ยังมีกลยุทธ์หลักในการขยายบริการเฉพาะทางที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะด้านศัลยกรรมความงามและการฟื้นฟูสุขภาพ รวมถึงเพิ่มบริการตรวจสุขภาพเชิงรุก นอกจากนี้จะมุ่งขยายฐานลูกค้าต่างชาติให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนราว 30% ของรายได้ทั้งหมด คาดว่าในอนาคตจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 40-50%

    ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาหลังเกิดการระบาดของ COVID-19 ทำให้สัดส่วนลูกค้าต่างชาติปรับตัวลดลงบางส่วน แต่หลังจากนี้จะหันมาขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มคนข้ามเพศ เช่น การศัลยกรรมแปลงเพศ ซึ่งที่ผ่านมามีชาวต่างชาติทั้งจาก จีน เกาหลี และญี่ปุ่นจำนวนมากที่เข้ารับบริการนี้ ทำให้มีข้อมูลลูกค้าที่การเข้ารับบริการแปลงเพศ ได้แก่

    - กรณีแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย อยู่ที่ปีละ 400 ราย (เกินกว่าครึ่งหนึ่งเป็น Step 1 ที่รับการผ่าตัดหน้าอก) เฉลี่ยแล้วอาจมีค่าใช้จ่ายราว 200,000 - 300,000 บาท/ราย ขึ้นอยู่กับบริการในแต่ละเคส

    - กรณีแปลงเพศจากชายเป็นหญิง อยู่ที่ปีละ 80 ราย เฉลี่ยค่าใช้จ่ายอยู่ที่ราว 200,000 บาท/ราย

    นอกจากนี้ ทางยันฮี ยังได้ Roadshow ในต่างประเทศเพื่อดึงดูดลูกค้าต่างชาติ ล่าสุดได้เดินทางไปที่กัมพูชา หลังจากนี้จะขยายไป CLMV อย่างต่อเนื่อง รวมถึงความร่วมมือกับเอเจนซี่ในต่างประเทศเพื่อประสานงานให้ลูกค้าต่างชาติสามารถเข้ารับการรักษาได้สะดวกยิ่งขึ้น
ในส่วนของเป้าหมายการดำเนินงานปี 2567 นี้ ยังคาดว่าจะมีรายได้ราว 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโตราว 4-5% สูงกว่าตลาดศัลยกรรมของไทยที่เติบโตราว 2-3% (มูลค่าตลาด 70,000 ล้านบาท) แต่มองว่าเป็นการเติบโตที่ไม่มากนัก เพราะการแข่งขันในตลาดการศัลยกรรมที่ค่อนข้างสูง และบางส่วนอาจกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

    อย่างไรก็ตาม รายได้ของยันฮี ยังคงมีสัดส่วนจากลูกค้าชาวไทยในสัดส่วน 70% และเป็นกลุ่มลูกค้า Upper-Middle ซึ่งแม้เศรษฐกิจจะไม่ดี และคนยังให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์จึงเข้ารับบริการเพื่อดูแลตนเอง เฉลี่ยแต่ละวันมีผู้เข้ารับบริการ 1,000 ราย อีกทั้งปัจจุบันยันฮีมีรายได้ 60% มาจากส่วนงานศัลยกรรม และอีก 40% มาจากการรักษาโรคทั่วไป

    ทั้งนี้ เพื่อขยายฐานรายได้ใหม่ๆ จึงมีการขยายส่วน Non-Hospital ผ่านบริษัทในเครือ เช่น บริษัท ยาอินไทย จำกัด ที่ทำยา อาหาร อาหารเสริม เครื่องสำอาง และ บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด ซึ่งตลาดรวมเครื่องดื่มวิตามิน ยังมีมูลค่าถึง 5,500 ล้านบาท ถือเป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้ โดยสัดส่วนรายได้ธุรกิจโรงพยาบาล และในเครือ แบ่งเป็น โรงพยาบาล 65% ยาอินไทย 20% และ ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ อีก 15%

    ขณะที่แผนงานในอนาคต ในส่วนปี 2568 นี้จะเดินหน้าพัฒนาบริการศัลยกรรมแปลงเพศ และศัลกรรมขากรรไกรซึ่งทำร่วมกับการจัดฟัน ส่วนในอีก 5 ปี เตรียมศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อตอบโจทย์สังคมสูงวัย โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ การบำบัดต่างๆ รวมถึงการดูแลผู้ป่วยติดเตียง เบื้องต้นคาดว่าจะมีจำนวน 400 เตียง



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ไบรท์ตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ’ เตรียมเปิดโรงเรียนแห่งที่สอง แคมปัสใหม่ย่านวิภาวดี

คลิกอ่านเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกันยายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine