XSpring ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2567 ทะลุ 1,000 ล้านบาท จากแรงส่งองค์กรต่างๆ ขอสินเชื่อพุ่ง แต่ยังเป็นเป้าหมายที่ท้าทายเพราะภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงเร่งขยายรายได้ผ่านค่าธรรมเนียมและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า โดยปี 68 จะมีรายได้จากธุรกิจ ICO 3 ดีล นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสลงทุนธุรกิจใหม่ๆ
นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG กล่าวว่า ปี 2567 นี้ทางบริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท แม้ปัจจุบันจะมีความท้าทายอย่างมากจากปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งภายในที่ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่คาด และปัจจัยภายนอกประเทศ ทั้งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
ทั้งนี้ ช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้รวม 655.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สาเหตุหลักมาจากธุรกิจสินเชื่อที่สร้างรายได้ดอกเบี้ยกว่า 392.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%YoY (มีการให้สินเชื่อในวงเงินราว 5,000-6,000 ล้านบาท) ในส่วนของกำไรสุทธิอยู่ที่ 114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60%YoY นอกจากนี้รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการอยู่ที่ 150 ล้านบาท ยังเพิ่มขึ้นถึง 187% ถือว่าได้รับผลดีจากสภาวะตลาดการลงทุนในไตรมาส 3/67 ที่ปรับตัวขึ้นได้ดี
ขณะที่รายได้จากการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ อยู่ที่ 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% และรายได้อื่น ๆ ที่ 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในระยะข้างหน้า มองว่าภาวะเศรษฐกิจไทยแม้จะผ่านการแพร่ระบาด COVID-19 มาแล้วแต่ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่คาด จากเศรษฐกิจจีนที่ยังอ่อนแอลง ทำให้ต้องปรับแผนงาน และหันมาออกเครื่องมือรวมถึงโซลูชันต่างๆ ให้ลูกค้าอย่างรอบด้าน
ในไตรมาส 4 ปี 2567 ทางบริษัทฯ มุ่งขยายฐานลูกค้าในตลาดตราสารทุน ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ดิจิทัล โดยบริษัทฯ มองว่าตลาดการเงินที่ตึงตัวทำให้อุปสงค์ทางการเงินมีมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขอสินเชื่อเงินทุนมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้เพื่อเจาะกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ มีการเสนอขายกองทุนใหม่ “X-PEGINFRA-UI” ซึ่งจะลงทุนใน Core Infrastructure ระดับโลก โดยมี Macquarie Asset Management เป็นผู้บริหารกองทุนหลัก ซึ่งจะเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 1-29 พฤศจิกายน 2567 นี้ และเตรียมแคมเปญลงทุนปลายปีเพื่อขยายฐานนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี
ขณะที่ปี 2568 ทางบริษัทฯ จะเร่งขยายการสร้างรายได้ผ่านค่าธรรมเนียมและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า โดยเฉพาะด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีแรงส่งต่อเนื่องจากปีนี้ หลัง Donald Trump ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และมีท่าทีสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนั้นในปีหน้าจะมีการทำซีรีย์ ICO (การเสนอขายโทเคนดิจิทัล) และทยอยออกมารวม 3 ดีล ซึ่งดีลแรกคาดว่าจะเริ่มเห็นในไตรมาส 1/68 และมีมูลค่าระดมทุนราว 300-500 ล้านบาท หลังจากนั้นจะทยอยออกดีล 2 และ 3 ที่มูลค่าระดมทุนหลักพันล้านบาท
นอกจากนี้ทางบริษัทยังมองหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจใหม่ๆ จากปัจจุบันมีมูลค่าการลงทุนราว 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย เช่น พลังงานสะอาด, ร้านอาหาร ฯลฯ อีกทั้งยังวางแผนขยายพอร์ตธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) ซึ่งคาดใช้เม็ดเงินลงทุนเพื่อซื้อหนี้มาบริหารราว 1,000-2,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 4,000-5,000 ล้านบาท โดยมีทั้งหนี้ที่มีหลักประกันอย่างสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อบัตรเครดิต (ปี 2567 ยังไม่มีการซื้อหนี้เข้ามาเพราะยังเข้าประมูลในราคาต่ำเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ระดับสูง)
ภาพ: XSpring
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ตลท. สั่งหุ้น DELTA เข้าเกณฑ์กำกับการซื้อขายระดับ 1 ตั้งแต่ 21 พ.ย. - 11 ธ.ค. 67 ต้องซื้อด้วย Cash Balance
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine