ทำไม WHA ต้องชะลอแผน Spin-off ที่จะพา ‘WHAID’ เข้า IPO ในตลาดหุ้นไทย - Forbes Thailand

ทำไม WHA ต้องชะลอแผน Spin-off ที่จะพา ‘WHAID’ เข้า IPO ในตลาดหุ้นไทย

ช่วงที่ผ่านมา WHA หรือบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายได้ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าดูราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 3.60 บาทต่อหุ้น ลดลงจากสิ้นปี 67 ที่อยู่ราว 5.50 บาทต่อหุ้น เรียกว่ากระทบตามตลาดหุ้นไทยที่เข้าขั้นซบเซา ล่าสุดยังมีข่าวว่าจะชะลอการ Spin-off บริษัทในเครืออย่าง WHAID ที่ปีนี้เตรียมจะแต่งตัวพาเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย


ประกาศชะลอแผนนำ WHAID เข้า IPO ในตลาดหุ้นไทย


    นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เล่าว่า ในปีที่ผ่านมา WHA วางแผนมาระยะหนึ่งและได้ประกาศแผน IPO ของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAID รวมถึงการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP

    แน่นอนว่า แผนการทำ IPO นี้จะส่งผลดีต่อ WHA ในระยะยาว ทั้งการเพิ่มความสามารถในการเติบโต และเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทฯ เดิมมีแผนว่าจะทำ filing ในเดือน เม.ย. 68 และน่าจะพิจารณาเข้า IPO ได้ในช่วงปี 2569

    แต่มองว่าแผน IPO นี้ควรเลื่อนออกไปก่อน เพราะสภาวะตลาดทุนไทยที่ไม่ค่อยดี สะท้อนจากดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ลดลงกว่า 240 จุด ถือว่าเป็นสภาวะที่ไม่ปกติจากความผันผวนที่สูงขึ้นซึ่งกระทบจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ทั้งนี้ จะนำ WHAID เข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในช่วงไหน อาจจะต้องรอดูสถานการณ์ในอนาคต


มั่นใจเลื่อนแผนระดมทุน WHAID ไม่กระทบธุรกิจ

    จรีพร กล่าวว่า การชะลอแผนระดมทุนครั้งนี้เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อแผนการดำเนินงานและธุรกิจ WHA เพราะบริษัทสามารถใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และการจัดหาแหล่งเงินทุนต่างๆ มาลงทุนตามแผนธุรกิจและงบลงทุนปี 68 ที่ 20,000 ล้านบาท โดยยังคงรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนในระดับต่ำกว่า 1.20 เท่า

    ในด้านการดำเนินธุรกิจ ปี 2567 ที่ผ่านมา WHA ฝั่งรายได้ยังสามารถทำ All Time High ได้เป็นปีที่ 3 และคาดว่าปี 2568 นี้จะสามารถทำ All Time High ได้เป็นปีที่ 4 ทั้งจากยอดขายที่ดินที่ยังเติบโตและ Backlog ที่มีการสะสมมาจากปี 67 ที่ผ่านมา โดยยังมองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวได้ 3% ซึ่งยังช่วยหนุนธุรกิจหลักของ WHA


คาดปี 73 รายได้-ส่วนแบ่งกำไรเพิ่ม 2.9 เท่าจาก 5 ธุรกิจ

    WHA ยังเน้นการสร้างสมดุลในธุรกิจต่างๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมี 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่

    - ธุรกิจโลจิสติกส์ เตรียมขยายธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในไทยและเวียดนาม โดยมุ่งเน้นพื้นที่ยุทธศาสตร์ เช่น สมุทรปราการ EEC และเมืองรองของประเทศไทย รวมทั้งขยายคลังสินค้าขนาดใหญ่ในเวียดนาม เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและอุตสาหกรรมส่งออก ตั้งเป้าสร้างโครงการใหม่ประมาณ 200,000 ตารางเมตร ภายในปี 2568 ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มเป็นประมาณ 3,309,000 ตารางเมตร และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4,297,000 ตารางเมตร ในอีก 5 ปีข้างหน้า

    - ธุรกิจโมบิลิตี้ (ภายใต้แบรนด์ Mobilix) ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูง ปัจจุบันมี 3 บริการหลัก ได้แก่ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) และโมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) ซึ่งมุ่งเน้นการให้บริการกลุ่มลูกค้า B2B โดยตั้งเป้าจำนวนผู้ใช้บริการรถเช่าสะสมจำนวน 1,700 คันภายในปี 2568 และเป็น 20,000 คัน ภายในปี 2572

    - ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม จะเร่งขยายการเติบโตในประเทศเวียดนาม เพื่อดึงดูดนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มดาต้าเซนเตอร์ และกลุ่มสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น โดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมในประเทศไทยและประเทศเวียดนามจากทั้งหมด 15 แห่งเป็น 17 แห่ง
ภายในปี 2568 นอกจากนี้ WHAID ตั้งเป้าที่จะพัฒนาที่ดินอุตสาหกรรมในอีก 5 ปีข้างหน้า เพิ่มอีก 12,700 ไร่ รวมเป็น 88,000 ไร่

    - ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน จะมุ่งขยายธุรกิจน้ำอุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม โดยจะเดินหน้าพัฒนา Smart Water Solutions เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ โดยตั้งเป้ายอดจำหน่ายน้ำและบำบัดน้ำเสียรวมประมาณ 173 ล้านลูกบาศก์เมตรภายในปี 2568 และเพิ่มเป็นประมาณ 280 ล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2572 สำหรับธุรกิจพลังงาน มุ่งขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม ควบคู่ไปกับการเดินหน้าพัฒนาโซลูชันพลังงานใหม่ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเป็น 1,185 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 และเพิ่มเป็นประมาณ 1,600 เมกะวัตต์ในปี 2572

    - ธุรกิจดิจิทัล จะนำเทคโนโลยีต่างๆ เช่น AI และ IoT มาประยุกต์ใช้ในแต่ละธุรกิจภายในกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงาน โดยตั้งเป้าหมายพัฒนา 5 แอปพลิเคชันใหม่ ภายในปี 2568

    จรีพรยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การสร้างบาลานซ์ในธุรกิจต่างๆ จะช่วยให้การสร้างรายได้ของ WHA ยังมีความสม่ำเสมอ อย่างในช่วง COVID-19 ที่ผ่านมา ที่ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมทรงตัว แต่ฝั่งโลจิสติกส์เติบโตดี ทำให้รายได้ไม่ลดลง มีเพียงปี 2563 ที่ภาพรวมรายได้ลดลง 4% แต่หลังจากนั้นรายได้ยังเติบโตต่อเนื่องเพราะการสร้างสมดุลในการสร้างรายได้จากหลายธุรกิจ



ภาพ: WHA 



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘จรีพร’ ประกาศสปินออฟ WHAID ธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ เตรียม IPO

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine