ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC แนะภาครัฐเร่งปรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนให้สอดคล้องกับการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลง หลังสหรัฐฯ มองไทยเป็น 'ฐานการผลิตทางอ้อม' ให้ประเทศคู่ขัดแย้งอย่าง จีน จึงตั้งกำแพงภาษีโซลาร์เซลล์ไทยสูงสุดถึง 972% ส่งผลให้ไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ อย่างรุนแรง จาก 28% ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2024 ลดลงมาเหลือเพียง 6% ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2025 และคาดว่าจะอาจจะทำให้ธุรกิจของไทยล้ม ยอดส่งออกไปตลาดหลักอย่างสหรัฐร่วงเหลือ 0% ภายในปี 2026
ธุรกิจการส่งออกแผงโซลาร์เซลล์และชิ้นส่วนของไทยไปสหรัฐฯ ที่เติบโตกว่า 47 เท่าในช่วงปี 2015 - 2023 และเป็นผลพวงมาจากการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการจีนมายังไทย ส่งผลให้สหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า จีนได้ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อหลบเลี่ยงภาษีในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และนำมาสู่การไต่สวนข้อร้องเรียนการทุ่มตลาดและการอุดหนุนของไทยมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 จนกระทั่งในช่วงตุลาคม - พฤศจิกายน 2024 ได้มีการประกาศอัตราภาษี AD/CVD ขั้นต้น ก่อนที่จะประกาศภาษี AD/CVD ขั้นสุดท้ายในวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา โดยภาษี AD/CVD ขั้นสุดท้ายที่ไทยถูกเรียกเก็บมีอัตรารวมสูงถึง 375.19% – 972.23% ซึ่งสูงกว่าอัตราภาษีที่ประกาศขั้นต้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ การถูกเรียกเก็บ AD/CVD จากสหรัฐฯ ในอัตราสูงดังกล่าวจะกระทบต่ออุตสาหกรรมส่งออกโซลาร์เซลล์ของไทยอย่างรุนแรง เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกแผงโซลาร์เซลล์และชิ้นส่วนที่สำคัญของไทย และไทยต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ราว 90% ของมูลค่าการส่งออกแผงโซลาร์เซลล์และชิ้นส่วนทั้งหมด
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC จึงประเมินการส่งออกแผงโซลาร์เซลล์และชิ้นส่วนจากไทยไปสหรัฐฯ มีแนวโน้มหดตัวใกล้เหลือ 0% ในช่วงปี 2026 จากปัจจัยสำคัญ 2 ด้าน คือ
1. ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคา เมื่อเทียบกับประเทศผู้ผลิตในเอเชียที่ไม่ได้ถูกเก็บภาษีจากการที่ไม่โดนข้อกล่าวหาว่ามีการอุดหนุนการผลิตและประกอบชิ้นส่วนจากจีนเพื่อส่งออก เช่น ลาว, อินโดนีเซีย, อินเดีย และเกาหลีใต้ รวมถึงเสียเปรียบด้านอัตราภาษีเมื่อเทียบกับมาเลเซียและเวียดนาม ซึ่งถูกเก็บภาษีขั้นต่ำเพียง 14.64% และ 120.69% ขณะที่ไทยอยู่ที่ 375.19% แม้แต่บริษัททั่วไปยังต้องเผชิญภาษีสูงกว่ามาเลเซียถึงกว่า 10 เท่า
2. ผลกระทบจากภาษีขั้นต้นเริ่มส่งผลชัดเจนแล้ว โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2024 ที่เริ่มบังคับใช้ภาษี AD/CVD ไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ อย่างรุนแรง จาก 28% ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2024 ลดลงมาเหลือเพียง 6% ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2025 ขณะที่คู่แข่งอย่างอินโดนีเซียขยับขึ้นจาก 2% เป็น 16% ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของไทยในไตรมาสแรกของปี 2025 หดตัว 52%YOY เหลือเพียง 12,623 ล้านบาท ซึ่งอัตราภาษีขั้นสุดท้ายที่สูงกว่าขั้นต้นมาก จะทำให้การส่งออกไปสหรัฐฯ มีแนวโน้มหายไปเกือบทั้งหมดภายในปี 2026
ด้วยเหตุและผลจากข้อมูลข้างต้น SCB EIC จึงมองว่าผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์และชิ้นส่วนสามารถดำเนินการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ผ่าน 3 แนวทาง ดังนี้
1. เข้าไปเป็น Supplier สินค้าขั้นกลาง ให้กับโรงงานผลิตโซลาร์เซลล์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบเรื่องสงครามการค้าของสหรัฐฯ ต่ำ เช่น การผลิตชิ้นส่วนกลางน้ำส่งให้โรงงานในอินเดียเพื่อประกอบเป็นแผงโซลาร์เซลล์ เป็นต้น
2. เร่งขยายตลาดการส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่มีศักยภาพ ในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่โดดเด่น เช่น อินเดียประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง กลุ่มทวีปยุโรปและออสเตรเลีย
3. ขยายรายได้ไปในธุรกิจผลิตพลังงานสะอาดทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยอาศัยความได้เปรียบเชิงต้นทุนและประสบการณ์ในกลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อขยายรายได้จากการผลิตไฟฟ้าสะอาดที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต อาทิ ธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งแบบติดตั้งบนพื้นและแบบรูฟท็อป (Solar rooftop)
อย่างไรก็ตาม ทาง SCB EIC ยังชี้ด้วยว่า ภาครัฐควรเร่งปรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนให้สอดคล้องกับบริบทการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการคัดกรองและตรวจสอบโรงงานที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยให้ดำเนินการตามกฎระเบียบส่งเสริมการลงทุนของไทย กฎระเบียบการค้าของโลกและประเทศคู่ค้า รวมถึงการติดตามโครงการที่อาจถูกมองว่าเป็น “ฐานการผลิตทางอ้อม” ของประเทศคู่ขัดแย้ง เช่น จีน เพื่อให้สามารถตรวจสอบการผลิตสินค้าให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุนของไทยและกฎระเบียบการค้าของประเทศคู่ขัดแย้ง ซึ่งจะช่วยป้องกันการนำไปสู่การตกเป็นเป้าของมาตรการกีดกันทางการค้าในอนาคต
ผู้เขียนบทวิเคราะห์ : จิรวุฒิ อิ่มรัตน์ และ ดร.เกียรติศักดิ์ คำสี นักวิเคราะห์อาวุโส SCB EIC
ภาพ : SCB EIC
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : KEX หรือชื่อเดิม Kerry Express จากดาวรุ่งสู่การเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine