Trump ประกาศชัยชนะ ‘เลือกตั้งสหรัฐ 2024’ ตลาดจับตาหนี้สาธารณะสหรัฐพุ่ง-การค้าโลกเปลี่ยน - Forbes Thailand

Trump ประกาศชัยชนะ ‘เลือกตั้งสหรัฐ 2024’ ตลาดจับตาหนี้สาธารณะสหรัฐพุ่ง-การค้าโลกเปลี่ยน

Donald Trump ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ประกาศชัยชนะต่อการเลือกตั้งฯ ครั้งนี้ที่ Palm Beach ในช่วงเช้าวันพุธระหว่างการนับคะแนนทั่วประเทศ โดยมี Melania Trump ภรรยาและครอบครัวอยู่เคียงข้าง


    โดย Donald Trump คว้าชัยชนะในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งทำให้มีจำนวนผู้แทนเลือกตั้งเป็น 267 คน ซึ่งเข้าใกล้จำนวน 270 คน ซึ่งเป็นเป้าหมายชัยชนะในการเลือกตั้งฯ ครั้งนี้ และจะปิดเส้นทางสู่ประธานาธิบดีของ Kamala Harris ในทันที (ล่าสุด มีจำนวนผู้แทนเลือกตั้งอยู่ที่ 224 คน)

    ทั้งนี้ ตลอดการนับคะแนนหลายฝ่ายต่างติดตามผลการเลือกตั้งฯ ใน 7 รัฐซึ่งเป็น Swing States ที่คะแนนอาจเปลี่ยนแปลง ได้แก่ เพนซิลเวเนีย, แอริโซนา, จอร์เจีย, มิชิแกน, เนวาดา, นอร์ทแคโรไลนา, และวิสคอนซิน ซึ่ง Trump ยังมีคะแนนนำทั้ง 7 รัฐนี้ โดยจอร์เจียมีการนับคะแนนกว่า 94%, มิชิแกน มีการนับคะแนนกว่า 68%, วิสคอนซิน นับคะแนนไปแล้วกว่า 89% และ เนวาดา ที่มีการนับคะแนนแล้วกว่า 78%

ชัยชนะของ Trump ครั้งนี้ ฝั่งไทยมองผลกระทบอย่างไร

    ในด้านเศรษฐกิจ ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. เบื้องต้นมองว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ถือว่ามีนัยยะต่อเศรษฐกิจไทย เพราะถือเป็นความเสี่ยงต่อสินค้าไทยที่มีการเกินดุลกับสหรัฐฯ

    อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะกระทบการส่งออกไทยผ่านมาตรการขึ้นภาษีการนำเข้าและการกีดกันทางการค้ารอบใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าสูงและมูลค่าการส่งออกขยายตัวได้ดี เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยางล้อ และกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าปานกลางและมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวรวดเร็ว เช่น เครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซลล์ เป็นต้น ซึ่งจำเป็นจะต้องติดตามความคืบหน้าของนโยบายเหล่านี้ต่อไป โดยภาครัฐและผู้ประกอบการต้องเตรียมหาแนวทางร่วมกันในการรับมือกับนโยบายที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง

    ขณะที่ด้านราคาทองคำ กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง มองว่า นโยบายของ Trump เกี่ยวกับการลดภาษี และการกระตุ้นเศรษฐกิจการลงทุนภายในประเทศ มาตรการการค้าข้ามประเทศที่เข้มงวด อาจส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า และเงินบาทจึงอ่อนค่าในช่วงที่ผ่านมา จึงดันราคาทองคำแท่งในประเทศพุ่งขึ้นแตะ 44,000 บาทต่อบัตรทองคำ (บางช่วงราคาทองคำปรับลดลง)

    ทั้งนี้ โอกาสที่ Trump ชนะการเลือกตั้งเริ่มสูงขึ้น ซึ่งนโยบายของ Trump มีความเสี่ยงต่อหนี้สาธารณะสหรัฐสูง สถานการณ์เงินเฟ้อสูง รวมถึงอาจก่อให้เกิดสงครามการค้ารุนแรง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจหนุนราคาทองคำในระยะยาว 

    อย่างไรก็ตามภายในคืนนี้ ยังต้องติดตามดุลการค้าสหรัฐ เดือน ก.ย. และดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค. โดย ISM



ภาพ: AFP



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ตลท. มองหลังเลือกตั้งสหรัฐ เงินทุนไหลกลับ ‘สินทรัพย์เสี่ยง-ไทย’ แม้ช่วงปลายปีต่างชาติชะลอลงตามฤดูกาล

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine