ทีเอ็มบีธนชาต เผยไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 5,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.1% หนี้เสียลดลง - Forbes Thailand

ทีเอ็มบีธนชาต เผยไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 5,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.1% หนี้เสียลดลง

ทีเอ็มบีธนชาต เผยกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2567 อยู่ที่ 5,334 ล้านบาท โต 24.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังเพิ่มและมาจากการปรับโครงสร้างสินเชื่อ แม้สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงจากสิ้นปี 66 แต่ยังตั้งสำรองที่รวม 5,117 ล้านบาท


    นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งการปรับโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อและการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินเพื่อหนุนรายได้ รวมถึงการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ ทำให้ไตรมาส 1 ปี 2567 โดยธนาคารมีกำไรสุทธิ 5,334 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 4,295 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2566

    ทั้งนี้ ทางธนาคารยังมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น สินเชื่อรถแลกเงิน (+4%) สินเชื่อบ้านแลกเงิน (+3%) และสินเชื่อบุคคล (+4%) แต่ยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านการปรับโครงสร้างหนี้คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อประมาณ 11% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ขณะที่จำนวนลูกค้าภายใต้โครงการรวบหนี้ เพิ่มขึ้นจากประมาณ 17,000 ราย ณ สิ้นปีที่แล้ว สู่ระดับ 21,000 ราย ซึ่งช่วยให้ลูกค้ากลุ่มนี้ประหยัดดอกเบี้ยได้กว่า 1,400 ล้านบาท

    อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังบริหารจัดการหนี้เสียในเชิงรุก ส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารเป็นไปตามเป้าหมาย สามารถลดอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลงมาได้อย่างต่อเนื่องจาก 2.62% ณ สิ้นปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 2.56% ณ สิ้นไตรมาส 1 พร้อมยังคงอัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในระดับสูงที่ 155%


    สำหรับผลการดำเนินงานรายการหลัก ๆ ในไตรมาส 1 ปี 2567 มีดังนี้
    - กำไรสุทธิอยู่ที่ 5,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
    - ด้านรายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 17,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการปรับโครงสร้างสินเชื่อไปยังสินเชื่อกลุ่มลูกค้ารายย่อย และการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 6.6% แต่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3,273 ล้านบาท ลดลง 2.8% เพราะรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง
    - ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 7,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
    - ด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 39,759 ล้านบาท ลดลง 3.0% จากสิ้นปีที่แล้ว หรือคิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ที่ระดับ 2.56% เทียบกับ 2.62% ณ สิ้นปีที่แล้ว
    - ด้านสินเชื่อ อยู่ที่ 1.31 ล้านล้านบาท ชะลอลง 1.0% จากสิ้นปีก่อน ลดลงตามนโยบายการเติบโตสินเชื่ออย่างรอบคอบ รวมทั้งการชำระคืนหนี้ของลูกค้า โดยสินเชื่อที่หดตัวเล็กน้อย ได้แก่ สินเชื่อลูกค้ารายย่อย สินเชื่อเช่าซื้อโดยรวม สินเชื่อบ้าน
    - ด้านเงินฝาก อยู่ที่ 1.37 ล้านล้านบาท ลดลง 1.0% จากสิ้นปีที่แล้ว มาจากการย้ายฐานเงินฝาเพื่อการออมไปยังเงินฝากประจำ
    - ธนาคารได้ตั้งสำรองฯ เพิ่มเติมจากระดับปกติ รวมตั้งสำรองฯ ทั้งสิ้นเป็นจำนวน 5,117 ล้านบาท

    ด้านฐานะเงินกองทุน ณ 31 มี.ค. 67 พบว่า มีอัตราส่วน CAR อยู่ที่ 20.8% และ Tier 1 อยู่ที่ 17.0% ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธปท.กำหนดไว้




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : SCBX ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 67 ที่ 11,281 ล้านบาท โต 2.6% จากปีก่อน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine