บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM รายงานยอดขายไตรมาสแรกปี 2567 โต 8.4% พร้อมโชว์กำไรสุทธิไตรมาสเดียว 104 ล้านบาท มากกว่ากำไรปี 2566 ทั้งปี ดันอัตรากำไรต่อหุ้นแตะ 0.21 บาท มั่นใจปีนี้ธุรกิจอาหารสัตว์เศรษฐกิจโตสดใส ตั้งเป้าขยายตลาดครองความเป็นผู้นำอย่างยั่งยืน
พีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์เศรษฐกิจ กล่าวว่า “ภาพรวมไตรมาสแรกปีนี้สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 104 ล้านบาท สูงกว่ากำไรสุทธิของปีที่แล้วทั้งปี เนื่องจากมีการบริหารจัดการต้นทุนโรงงาน และการส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนา เพื่อให้สามารถออกแบบสินค้าได้หลากหลายตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าและผู้บริโภค โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารกุ้ง ที่ได้มีการขยายตลาดในประเทศอินโดนีเซียดีมากจนทำให้ธุรกิจของเราในอินโดนีเซียสามารถสร้างกำไรได้เป็นไตรมาสแรก สอดคล้องกับภาพรวมของธุรกิจ TFM ที่มีสัญญาณการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญมาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา"
สำหรับภาพรวมธุรกิจ TFM ในไตรมาสแรกปี 2567 มียอดขายอยู่ที่ 1,249.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1,152.2 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.4% เป็นผลจากการเติบโตของยอดขายอาหารกุ้งที่ปรับตัวขึ้นถึง 11.2% จากยอดขายอาหารกุ้งในประเทศอินโดนีเซีย และยอดขายอาหารปลากะพงที่เติบโตกว่า 32.8% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 201.1 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างแข็งแกร่งถึง 321.2%
โดยเป็นผลจากการบริหารจัดการต้นทุนภายในโรงงาน การควบคุมประสิทธิภาพการผลิต และการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าได้ตามกลยุทธ์ ทำให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนการขายได้ 5.1% รวมถึงผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยที่พลิกมีกำไร ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นจาก 4.1% มาอยู่ที่ 16.1% และมีมูลค่ากำไรสุทธิ อยู่ที่ 104 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 475% จากเดิมที่ช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 27 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนนั้น ในไตรมาสแรกปีนี้ โรงงานไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ มหาชัย ได้ใบรับรองมาตรฐานอาหารสัตว์ระดับโลกเป็นแห่งแรกในเอเชียจากองค์กร Aquaculture Stewardship Council หรือ ASC ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์น้ำดูแลเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และมีความรับผิดชอบต่อสังคม
ซึ่งใบรับรองดังกล่าวจะมีผลเป็นระยะเวลา 3 ปี นับเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างอนาคตที่ดีอย่างยั่งยืนเพื่อผู้คนและโลก
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อไทย เม.ย. 67 พลิกบวก 0.19% ครั้งแรกในรอบ 7 เดือน จับตาเดือน พ.ค. ยังสูงขึ้น
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine