การบริหารงานของสำนักงานประกันสังคมกลายเป็นประเด็นร้อนที่ประชาชนให้ความสนใจ ทั้งคำถามที่ว่า เงินที่ผู้ประกันตนและนายจ้างส่งเข้าแล้วบริหารมีประสิทธภาพหรือไม่ สิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนม. 33 และ ม. 39 มีช่องโหว่มากแค่ไหน ไปจนถึงประเด็นใหญ่ที่ว่า ในอนาคตสัก 20 -30 ปี ประกันสังคมเสี่ยงที่จะล้มละลายหรือไม่
แม้ประเด็นเหล่านี้ บางส่วนยังรอความชัดเจนอยู่ แต่ Forbes Thailand อยากชวนมาเจาะลึกพอร์ตการลงทุนของประกันสังคมว่า ปัจจุบันลงทุนในอะไรบ้าง และมีผลตอบแทนมาน้อยแค่ไหน
33 ปี กองทุนประกันสังคมมีเงินลงทุน 2.65 ล้านล้านบาท!
ข้อมูลจากสำนักงานประกันสังคมพบว่า มูลค่าเงินลงทุนของกองทุนประกันสังคม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีมูลค่าทั้งสิ้น 2,657,245 ล้านบาท จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงราว 71.58% (1,902,066 ล้านบาท) และบางส่วนจะลงทุนในหลักทรัพยเสี่ยงเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน ดังนั้นจะลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยง 28.42% (755,179 ล้านบาท)
ทั้งนี้ การวางแผนลงทุนเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการประกันสังคมว่าด้วยการจัดหาผลประโยชน์ของกองทุนประกันสังคม พ.ศ. 2559 ที่กำหนดให้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงไม่ต่ำกว่า 60% และลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงไม่เกิน 40%

ขณะเดียวกัน ในพอร์ตการลงทุน 2.65 ล้านล้านบาทนี้ แบ่งเป็นลงทุนในประเทศ 1,800,064 ล้านบาท คิดเป็น 67.74% และต่างประเทศ จำนวน 857,181 ล้านบาท คิดเป็น 32.26% (ตามเกณฑ์ให้ลงทุนต่างประเทศไม่เกิน 47% ของเงินกองทุน)
ที่มาของเงินลงทุนฯ 2.65 ล้านล้านบาท
ตั้งแต่ปี 2534 จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 31 ธันวาคม 2567) เงินลงทุนรวมของกองทุนประกันสังคมมูลค่ารวม 2,657,245 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินจาก 2 ส่วนหลัก คือ
- เงินสมทบสะสมจากนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล รวมจำนวน 1,666,556 ล้านบาท คิดเป็น 62.72%
- เงินผลประโยชน์สะสมที่ได้รับจากการลงทุน จำนวน 990,689 ล้านบาท คิดเป็น 37.28%
ในปี 2567 (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567) กองทุนประกันสังคมมีผลประโยชน์จากการลงทุนที่รับรู้แล้วทั้งสิ้น จำนวน 71,960 ล้านบาท ประกอบด้วย ดอกเบี้ยรับและกำไรจากการขายตราสารหนี้จำนวน 42,774 ล้านบาท และเงินปันผลรับและกำไรจากการขายตราสารทุน จำนวน 29,186 ล้านบาท
ภาพ: สปส., Image by freepik
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กองทุนประกันสังคมเสี่ยงแค่ไหน? หลัง SET ออกโรงเตือนกองทุน URBNPF ผิดนัดชำระค่าเช่าเสี่ยงเลิกกองทุนอีกรอบ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine