ควรเทรดก่อนเลือกตั้งสหรัฐฯ หรือไม่? - Forbes Thailand

ควรเทรดก่อนเลือกตั้งสหรัฐฯ หรือไม่?

นับถอยหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กำลังจะใกล้เข้ามาในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ บรรดานักลงทุนต่างจับตามองความเคลื่อนไหวของตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อจัดการพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม เพราะการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นการกระตุ้นให้ตลาดเกิดความผันผวนอย่างมาก แม้จะไม่ได้ส่งผลลัพธ์ในระยะยาวก็ตาม จนเป็นคำถามว่า "เราควรเทรดก่อนเลือกตั้งสหรัฐหรือไม่?" หรือควรจะรอให้สถานการณ์ทรงตัวก่อนดี บทความนี้จะพาผู้อ่านเข้าใจถึงข้อมูลและโอกาสในการตัดสินใจอย่างเหมาะสม


ทำไมการเลือกตั้งจึงส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน?

เหตุการณ์ทางการเมืองโดยเฉพาะการเลือกตั้งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐสามารถส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวตลาดได้เป็นอย่างสูง เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้น แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานด้านอุปสงค์และอุปทานจะเป็นตัวกำหนดราคาตลาดเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการพัฒนาทางการเมืองนี้นับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมาก เพราะสัญญาณสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายเศรษฐกิจหลักเลยก็ว่าได้ โดยมี 3 ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินสหรัฐอเมริกา ดังนี้

1.นโยบายด้านภาษี: ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการลดหย่อนภาษีหรือการขึ้นภาษีที่เสนอโดยฝ่ายที่ชนะการเลือกตั้งล้วนส่งผลกระทบต่อผลกำไรขององค์กรและรายได้ของแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น การลดหย่อนภาษีอาจกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคให้สูงขึ้น แต่ก็อาจนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลกำไรขององค์กรและมูลค่าหุ้นได้เช่นกัน

2.นโยบายภาษีศุลกากร: นโยบายการค้าต่างประเทศ รวมถึงภาษีศุลกากร สามารถรบกวนห่วงโซ่อุปทานและทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นในระยะสั้น ส่งผลให้อาจเกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค จนอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยควบคู่กับภาวะเงินเฟ้อสูงได้

​3.นโยบายการรับคนต่างชาติ: การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการรับคนต่างชาติส่งผลกระทบสองรูปแบบ ประการแรกการรับคนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เกิดการเติบโตของประชากรและแรงงานที่มากขึ้น ส่งผลให้ GDP เติบโตขึ้นและราคาที่อยู่อาศัยเสถียร อีกประการหนึ่งนโยบายการรับคนต่างชาติที่เข้มงวดกว่าเดิมก็จะลดจำนวนประชากรในวัยทำงาน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะค่าจ้างที่เฟ้อขึ้นและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้าลง

​สำรวจตลาดการเงินกับ XM ได้แล้วที่นี่


ตลาดใดบ้างที่ได้รับผลกระทบจากการเลือกตั้ง?

โดยปกติแล้ว ในปีที่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นมักจะทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่มักจะคาดเดาผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งว่าจะส่งผลต่อภาคส่วนอื่นอย่างไรบ้าง ดังนั้น การลงทุนในช่วงเวลานี้จึงจำเป็นต้องระมัดระวังมาก เพราะพฤติกรรมของตลาดยากต่อการคาดเดา โดยตลาดที่ควรจับตามองในช่วงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ได้แก่:

  • ​คู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ: ดอลลาร์สหรัฐมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งในสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองอย่างการเลือกตั้งเช่นนี้ จะส่งผลให้แก่ความผันผวนสูงต่อคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมาก
  • สินค้าโภคภัณฑ์: สินทรัพย์อย่างทองคำและน้ำมันจะมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสูงและเศรษฐกิจมาก รวมถึงการตอบสนองอย่างรุนแรงต่อความรู้สึกของตลาดอย่างมาก
  • ดัชนี: ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ เช่น S&P 500 และ Dow Jones อาจผันผวนตามความคาดหวังของนักลงทุนและปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์การเลือกตั้ง
  • ​สกุลเงินที่ปลอดภัย: ในช่วงเวลาที่มีความผันผวน สกุลเงินอย่างฟรังก์สวิสและเยนญี่ปุ่นมักได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะนักลงทุนส่วนมากมักต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย
  • ​สกุลเงินตลาดเกิดใหม่: นโยบายการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสกุลเงินกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มประเทศที่ต้องพึ่งพาการค้ากับสหรัฐฯ เป็นหลัก
  • ​พันธบัตรรัฐบาล: พันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มักจะดึงดูดนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงและมองหาหลักทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความผันผวนของตลาดที่เกิดจากการเลือกตั้ง


​แล้วควรเทรดก่อนการเลือกตั้งหรือไม่?

เมื่อพิจารณาจากความผันผวนที่มักเกิดขึ้นในปีที่มีการเลือกตั้งแล้ว กรณีที่ไม่มั่นใจถึงผลลัพธ์ของการเลือกตั้งที่อาจเกิด ดังนั้นการกระจายความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เหมาะกับการลงทุนจังหวะนี้ การพิจารณาเพิ่มสินทรัพย์อย่างทองคำ กองทุน hedge fund หรือการลงทุนในหุ้นกู้บริษัทที่มีเครดิตสูงแทนก็จะเป็นการดี อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้มากกว่าก็ย่อมเห็นโอกาสในการลงทุนที่มากกว่าในกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ คว้าโอกาสกับ XM ตอนนี้!

หากต้องการจับจังหวะการลงทุนจากความเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงเลือกตั้งเช่นนี้ XM ได้มีการเปิดตัวตราสารตัวใหม่อย่างดัชนี Trump Winners และดัชนี Harris Winners ที่จะมอบโอกาสการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน

  • ​ดัชนี Trump Winners: กลุ่มดัชนีที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ กลุ่มดัชนีประกอบด้วยอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ยา ธนาคาร กลาโหม โรงแรม ร้านอาหาร อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
  • ​ดัชนี Harris Winners: กลุ่มดัชนีที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการชนะของกมลา แฮร์ริส กลุ่มดัชนีประกอบด้วยอุตสาหกรรมน้ำและสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสินค้าฟุ่มเฟือย

​โดยทั้งสองดัชนีนี้ต่างมีเงื่อนไขที่ได้เปรียบในการลงทุน ตั้งแต่ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ใช้มาร์จิ้นกำหนดที่น้อย พร้อมใช้เลเวอเรจได้สูงสุด 100:1 จึงมอบโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจในฤดูแห่งการชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีนี้

​อย่างไรก็ดี แม้ในช่วงเวลานี้จะสร้างโอกาสในการเทรดมากเพียงใด แต่ก็อย่าลืมว่าก็มาพร้อมความเสี่ยงในการลงทุนเช่นกัน เพราะผลการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่สิ่งการันตีผลลัพธ์ในอนาคตเสมอไป ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการวางแผนกลยุทธ์การลงทุนอย่างเหมาะสมและการเลือกสินทรัพย์ที่หลากหลายในการกระจายความเสี่ยง ไม่ว่าในท้ายที่สุดผู้อ่านจะตัดสินใจเทรดก่อนหรือหลังการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์นี้ก็ตาม การติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเอาชนะตลาดที่ผันผวนได้

​คว้าโอกาสสำคัญไปกับ XM!

เปิดบัญชีกับ XM วันนี้

เข้าสู่ตลาดการเงินโลกเพื่อคว้าโอกาสการลงทุนในช่วงเวลานี้หรือปรับสมดุลในพอร์ตการลงทุน พร้อมรับการให้บริการและดูแลที่ดีการันตีด้วยรางวัลจากหลากหลายสถาบันชั้นนำของโลก เลือกใช้แพลตฟอร์มการเทรดที่มีฟีเจอร์ครบครันมากกว่า 10 แพลตฟอร์ม รวมถึงแอปพลิเคชัน XM ที่รองรับ iOS และ Android และโปรแกรมเทรด MT4 และ MT5 ติดตามข้อเสนอและบริการของ XM ผ่านช่องทาง Facebook, Instagram, TikTok และเยี่ยมชมเว็บไซต์ตามข้อมูลด้านล่าง


บริการของเรามีความเสี่ยงสูงและอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนได้ *เป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนด