ธาคิน จิตจานุรัก พลิกสมการ FinTech ชูโซลูชั่นครบวงจร พาบริษัทไทยแจ้งเกิดในเวทีโลก

ธาคิน จิตจานุรัก พลิกสมการ FinTech ชูโซลูชั่นครบวงจร พาบริษัทไทยแจ้งเกิดในเวทีโลก

    ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านของโลกการเงินไร้พรมแดน เทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) ไม่ได้เป็นเพียงสนามแห่งนวัตกรรม แต่คือสมรภูมิที่วัดกันด้วยวิสัยทัศน์อันเฉียบคมและความรวดเร็วในการตัดสินใจ การก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นระดับสากล จึงไม่ใช่เรื่องของเม็ดเงินเพียงอย่างเดียว แต่คือการวางรากฐานทางกลยุทธ์ที่มั่นคงตั้งแต่วันแรก เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสใหม่แห่งอนาคต


​    ​ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ ธาคิน จิตจานุรัก (Takin Jitjanuruk) Group CEO แห่ง Woxa Group Holding Limited. ที่มีมุมมองที่น่าสนใจว่า ในโลกการเงินที่เทคโนโลยีหมุนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนหลายคนวิ่งตามเทรนด์ไม่ทัน แต่เขากลับตั้งคำถามว่า "อะไรคือสิ่งที่จะอยู่ยงคงกระพันในอีก 10 ปีข้างหน้า?" แน่นอนว่า คำตอบไม่ได้อยู่ที่การวิ่งไล่ล่าทุกเทรนด์ที่เกิดขึ้น แต่เป็นการสร้าง "รากฐาน" ที่แข็งแกร่งพอจะรองรับทุกการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าหน้าบ้านของโลกการเงินจะเปลี่ยนไปในทิศทางใดก็ตาม

    นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Woxa Group ถึงเลือกลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง ตั้งแต่ระบบคลาวด์ (Cloud) ไปจนถึงระบบอัตโนมัติด้วย AI (AI Automation)

บทเรียนราคาแพง: เมื่อ "ความเร็ว" มาก่อน "ความเข้าใจ"

    อย่างไรก็ตาม ก่อนจะค้นพบคำตอบอันทรงพลังนี้ ภาคินก็ต้องข้ามผ่านบทเรียนราคาแพง ย้อนกลับไปในวัย 21 ปี ธาคิน คือหนึ่งในคนไฟแรง ที่เชื่อในพลังของการเป็นปลาเร็ว จึงตัดสินใจกระโจนสู่น่านน้ำธุรกิจที่ในเวลานั้นมีสองผู้เล่นใหญ่ คือ จีนและอินเดีย ทว่าด้วยชั่วโมงบินที่ยังน้อย บวกกับยังขาดความรู้และความเข้าใจในตลาดอย่างลึกซึ้ง ทำให้เขาต้องสูญเสียเม็ดเงินมหาศาล

    "ไอเดียของผมตอนนั้นคือการสร้างแพลตฟอร์มให้นักลงทุนทั่วโลกมาพบกัน แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง ประกอบกับความไม่เข้าใจตลาดดีพอ โปรเจกต์นั้นจึงไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่อย่างน้อยก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมต้องกลับมาทบทวนและศึกษาอย่างจริงจังว่า อะไรคือความต้องการที่แท้จริงของตลาดระหว่าง B2B และ B2C และอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงที่ผู้ประกอบการจะเลือกใช้เรา"

​ธาคิน จิตจานุรัก (Takin Jitjanuruk) Group CEO
แห่ง Woxa Group Holding Limited.

    สิ่งที่ธาคินตกผลึก คือหลักการ Pathos ซึ่งเปรียบเหมือน ‘สูตรลับ’ (Secret Sauce) ที่ทำให้เขาสามารถโลดแล่นในโลกเทคโนโลยีการเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยความท้าทายได้อย่างแข็งแกร่งและไม่หลงทาง

    หากถามว่าหลักการ Pathos คืออะไร? ธาคินอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นแนวคิดที่เปลี่ยนมุมมองจากการโฟกัสแค่ตัวเลข มาเป็นการตอบคำถามว่า "อะไรคือเป้าหมายสูงสุดของความต้องการลูกค้าจริงๆ" โดยนำหลักการพื้นฐานที่เรียกว่า First Principles มาปรับใช้ ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนต้องการอะไร ระหว่างการเป็นเจ้าของหุ้นบริษัทนั้น หรือการสร้างรายได้จากส่วนต่างราคา?

    ผู้ที่ซื้อทองคำแท่งต้องการอะไร ระหว่างได้ความปลอดภัยของสินทรัพย์ หรือผลกำไรจากราคาทองคำ?

​    เป้าหมายสูงสุดของผู้ประกอบการที่ต้องการเปิด Exchange หรือ Broker คืออะไร ระหว่างราคาที่เข้าถึงง่าย ติดตั้งรวดเร็ว หรือต้องการทีมพัฒนา (Developer) ที่ทำงานว่องไวในราคาประหยัด

    "ข้อดีคือ เมื่อเราค้นพบเป้าหมายสูงสุดของลูกค้าแล้ว เราจะโฟกัสแค่จุดนั้น ส่วนอะไรที่เป็นส่วนเกิน เราจะตัดทิ้งทั้งหมด"

​ธาคิน จิตจานุรัก (Takin Jitjanuruk) Group CEO แห่ง Woxa Group Holding Limited.

บุกเบิกเส้นทางใหม่ จากผู้เล่นในตลาดสู่ผู้กำหนดมาตรฐานการเชื่อมต่อของโลกการเงิน

    ในวันที่กระแสโลกการเงินหมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว แทนที่จะเลือกวิ่งไล่ตามเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Prediction Markets ไปจนถึง CLOB (Central Limit Order Book) ธาคิน กลับเลือกใช้กลยุทธ์ "Focus on Invariance" หรือการโฟกัสในสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง

    ธาคิน มองว่าแม้พฤติกรรมของนักลงทุนจะปรับเปลี่ยนไปตามเครื่องมือหรือนวัตกรรมใหม่ๆ แต่ความต้องการพื้นฐานที่เป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนนั้นยังคงเดิมเสมอ นั่นคือ ความเร็ว ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Woxa Group ให้ความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ การทุ่มเทพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน ที่มาพร้อมกับความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับใช้กับรูปแบบตลาดได้หลากหลายประเภท

    "กลยุทธ์การเตรียมหลังบ้านให้พร้อมรับช่วงการเปลี่ยนผ่านนี้เอง คือ จุดแข็งสำคัญ ทำให้ Woxa Group ไม่ใช่แค่ผู้เล่นที่รอปรับตัวตามตลาด แต่คือผู้ที่พร้อมก้าวขึ้นมาเป็น ผู้กำหนดมาตรฐานการเชื่อมต่อของโลกการเงินยุคใหม่อย่างยั่งยืน


​พลิกสมการ FinTech: ยิ่งฐานลูกค้าขยาย ต้นทุนต่อหน่วยยิ่งลดลง

    เมื่อได้เลนส์การทำงานแบบใหม่ ธาคินได้นำมาผสานกับมุมมองและวิสัยทัศน์ที่เฉียบคม เพื่อนำมาปรับใช้ในการสร้างเทคโนโลยีการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างตรงจุด เน้นวางโครงสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ไร้รอยต่อ โดยมีการลงทุนครอบคลุมในหลายมิติ ดังนี้

  • Engineering the Future of Trading: วางรากฐานวิศวกรรมการซื้อขายรองรับธุรกรรมระดับโลกด้วยความเร็วสูงสุด เน้นการพัฒนาเชิงลึก (Sub-surface development) เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
  • ​Intelligent Reward Systems: ใช้ระบบให้รางวัลอัจฉริยะเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมและสร้างพฤติกรรมทางการเงินที่ดีในระยะยาว
  • ​Financial Tech for Trust: สร้างระบบความปลอดภัยและความเชื่อมั่นระดับสากล (State-of-the-Art Security) เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทั่วโลกไว้วางใจ
  • Defence Tech Future Security: เสริมความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงทางไซเบอร์เพื่อป้องกันภัยคุกคามในอนาคต
  • Quantitative Edge in Algorithmic Trading: พัฒนาด้านการเงินเชิงปริมาณ (Quantitative Finance) เพื่อเป็นอาวุธทางปัญญาให้แก่ผู้ใช้
  • ​Ultimate Economic MMORPG: ใช้ Gamification และเทคโนโลยีจำลองสถานการณ์ (Simulation) เพื่อสร้างประสบการณ์เชิงเศรษฐศาสตร์และขยายฐานลูกค้ารูปแบบใหม่
  • Superior Trading Platform: มอบแพลตฟอร์มที่รวดเร็ว ต้นทุนต่ำ และมีฟีเจอร์ที่เหนือกว่าคู่แข่ง
  • ​Expert Digital Marketing Agency: บริหารจัดการการสื่อสารและสร้างแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
  • ​Digital Cloud Service: สร้างโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของตนเอง (Proprietary Cloud Infrastructure) เพื่อควบคุมต้นทุนและคุณภาพตามปรัชญา Reverse Model
  • ​Artificial Intelligence Automation: ใช้ AI ขับเคลื่อน Hyper-Personalization และลดต้นทุนการดำเนินงาน (Operating Cost) ในทุกภาคส่วน

    "Pain Point ใหญ่ของอุตสาหกรรมฟินเทคระดับโลกคือการพึ่งพาเทคโนโลยีจากภายนอก (Dependency Cost) ซึ่งนำมาซึ่งต้นทุนที่สูงและความล่าช้า (Latency) Woxa Group จึงเลือกทางเดินที่ยากกว่าแต่คุ้มค่ากว่าด้วยการสร้าง Proprietary Cloud และระบบ AI Automation ของตัวเอง

    "เราสร้างเองทุกอย่าง ตั้งแต่ Matching Engine, Bridge Technology ไปจนถึง UI เพื่อควบคุมทุกมิติของบริการ ข้อดีของการลดการพึ่งพาคนอื่น ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ยังช่วยกดต้นทุนให้ต่ำกว่าราคาตลาด ซึ่งประโยชน์นี้จะถูกส่งต่อไปยังลูกค้า B2B และนักลงทุนรายย่อยในที่สุด

    นอกจากนี้ Woxa Group ยังใช้โมเดลธุรกิจแบบ Reverse Model หรือการทำให้ Unit Cost ต่ำลงเมื่อฐานลูกค้าขยายใหญ่ขึ้น ภายใต้แนวคิด "Shared Economy of Scale" เมื่อบริษัทเติบโตและบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น Woxa Group เลือกที่จะไม่เก็บกำไรส่วนเกินไว้เพียงผู้เดียว แต่ส่งต่อ "ส่วนลด" และ "บริการที่ดีขึ้น" กลับคืนสู่ระบบนิเวศ เพื่อสร้างวงจรความยั่งยืนที่แท้จริง เพราะเมื่อลูกค้าอยู่รอดและเติบโต ธุรกิจของ Woxa Group ก็จะเติบโตตามไปพร้อมกับมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า (LTV) ที่มั่นคง

​เกม = สนามฝึกซ้อมที่แข็งแกร่งที่สุดของนักลงทุน

    อีกหนึ่งวิสัยทัศน์ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของ Woxa Group คือการมอง "เกม" ให้เป็นมากกว่าความบันเทิง เขาจึงนิยามโปรเจกต์นี้ว่าเป็น "Financial Flight Simulator"

    "ในโลกของ Ultimate Economic MMORPG นักลงทุนและผู้ประกอบการรุ่นใหม่สามารถเข้ามาทดสอบกลยุทธ์ วางแผนการจัดการความเสี่ยง และเรียนรู้ระบบเศรษฐกิจเสมือนจริงได้อย่างเต็มที่ ก่อนที่จะนำเงินทุนจริงไปเสี่ยงในตลาดที่มีความผันผวนสูง แม้ในปัจจุบันจะมีความท้าทายด้านกฎระเบียบ (Regulator) ในระดับสากล แต่ Woxa Group เชื่อมั่นว่านี่คือ Niche Market ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงให้นักลงทุนได้อย่างยั่งยืน"

​ธาคิน จิตจานุรัก (Takin Jitjanuruk) Group CEO
แห่ง Woxa Group Holding Limited.

แกะสูตรการบริหารสไตล์ผู้นำยุคใหม่

    สำหรับเคล็ดลับในการบริหารองค์กร ที่มีทีมงานกว่า 400 คนทั่วโลก อยู่เบื้องหลังนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ธาคิน กล่าวว่า เขาให้ความสำคัญกับ People Sustainability มากที่สุด ภายใต้วัฒนธรรมที่สนับสนุนให้ทุกคนเป็น "นักคิดอิสระ" (Autonomous Thinkers) โดยมีเป้าหมาย (OKR) ให้พนักงานทุกคนสร้างสรรค์อย่างน้อย 1 นวัตกรรมต่อปี อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกคนกล้าทดลองและมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ (Ownership) ร่วมกัน

    "ด้วยแนวคิดในการบริหารบุคลากรเช่นนี้เอง ทำให้ Woxa Group สามารถผลิตนวัตกรรมที่สดใหม่อยู่เสมอ อีกทั้งยังสร้างองค์กรที่หมุนเวียนพลังงานความคิดได้อย่างไม่รู้จบ"

​ปักหมุดดันบริษัทสัญชาติไทยเติบโตในเวทีโลก

    ธาคิน จิตจานุรัก (Takin Jitjanuruk) กล่าวทิ้งท้ายว่า เป้าหมายของ Woxa Group วันนี้ คือ การมุ่งมั่นพาบริษัทก้าวสู่ระดับโลก โดยอาศัยกลยุทธ์ "Geo-Arbitrage" ใช้วิธีดึงตัวทาเลนต์ที่เก่งที่สุดจากทั่วโลกมาทำงานร่วมกันในรูปแบบ Remote หรือ Hybrid โดยใช้ความยืดหยุ่น (Agility) แบบไทยเป็นแกนกลางในการบริหาร

    "แม้จะมีทีมงานกระจายอยู่ทั่วโลก แต่ธาคินมองว่าไม่เป็นอุปสรรค เพราะตัวเขาเองใช้วิธีลงไปดู Workflow ด้วยตัวเอง เพื่อให้เข้าใจปัญหาจริง ก่อนจะส่งต่อมาตรฐานนั้นให้เหล่า Leader เพื่อให้มั่นใจว่าการขยายตัวสู่ Global Standard จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีต้นทุนที่แข่งขันได้ในระดับโลก

    "ผมเชื่อว่า คีย์สำคัญของเทคโนโลยีทางการเงินยุคนี้ ต้องเร็ว กล้าทดลอง และไม่กลัวความล้มเหลว ต่อให้ล้มก็ต้องลุกให้ไว ฝันให้ไกล และต้องสเกลไปได้ทั่วโลก ที่สำคัญสินค้าต้องไม่มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่ และควรวางโครงสร้างห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ให้ครบวงจร เพื่อกุมความพึงพอใจของลูกค้าไว้กับเรา ซึ่งเป็นแนวทางที่ Woxa Group ยึดถือ และกลายเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกอยากจับมือกับ Woxa Group ซึ่งสามารถเป็น End-to-End Turnkey Solution"

    จากนี้ก็น่าติดตามว่า ในยุคที่ความรวดเร็วคือผู้ชนะ พันธมิตรทางธุรกิจต้องการระบบที่ "Plug & Play" คือพร้อมใช้งานและขยายตัวได้ทันที การที่ Woxa Group มีครบทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงกลยุทธ์การตลาด และความสามารถในการปรับแต่ง (Customization) ตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ Woxa Group จะสร้างความโดดเด่นและแตกต่าง จนกลายเป็น Strategic Partner ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเชื่อมต่อระบบ และช่วยให้พันธมิตรสามารถ Scale ธุรกิจได้เร็วกว่าคู่แข่งหลายเท่าตัวได้ตามที่ตั้งใจหรือไม่ แต่อย่างน้อยวันนี้ Woxa Group ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ธุรกิจเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง และพร้อมก้าวนำไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกใบเดิมที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิม