ก.ล.ต. สั่งปรับเงินผู้กระทำผิด 2 ราย รวม 4.2 ล้าน กรณีใช้ข้อมูลอินไซด์ซื้อหุ้น COL - Forbes Thailand

ก.ล.ต. สั่งปรับเงินผู้กระทำผิด 2 ราย รวม 4.2 ล้าน กรณีใช้ข้อมูลอินไซด์ซื้อหุ้น COL

ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 2 ราย กรณีร่วมกันซื้อหุ้น COL โดยอาศัยข้อมูลภายในกรณีบริษัทย่อยของเซ็นทรัล รีเทลฯ จะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ COL ที่ราคาสูงกว่าราคาตลาด สั่งปรับเงินทั้ง 2 ราย รวม 4,237,746 บาท


    สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับบุคคล 2 ราย ได้แก่ นายวรวุฒิ อุ่นใจ และ นางสาวพชรพัชร์ ทองแว่น กรณีร่วมกันซื้อหุ้นบริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) หรือ COL ซึ่งอาศัยข้อมูลภายในที่ตนรู้หรือครอบครอง โดยเรียกให้ชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่งรวม 4,237,746 บาท และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร

    ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตรวจสอบเพิ่มเติม พบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า นายวรวุฒิ ซึ่งขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งกรรมการและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับที่ 2 ของ COL ได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในกรณีบริษัทย่อยของบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC จะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ COL ที่ราคาสูงกว่าราคาตลาดที่ซื้อขายกันอยู่ในขณะนั้น ซึ่งมีผลด้านบวกต่อราคาหุ้น COL
โดยหลังจากที่นายวรวุฒิได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในดังกล่าวแล้ว นายวรวุฒิได้ร่วมกับนางสาวพชรพัชร์ ซื้อหุ้น COL ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวพชรพัชร์ ก่อนที่ COL จะเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 14 กันยายน 2563

    การกระทำของบุคคลทั้ง 2 รายข้างต้น ที่ร่วมกันซื้อหุ้น COL โดยรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 242(1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน

    ค.ม.พ. จึงมีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับ กับผู้กระทำความผิดทั้ง 2 ราย โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้แก่ ค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ ดังนี้

    1) ให้นายวรวุฒิ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่พึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 2,118,873 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 14 เดือน

    2) ให้นางสาวพชรพัชร์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่พึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 2,118,873 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 12 เดือน

    การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้นจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ โดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด

    ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ดุสิตธานี เกียวโต ตอกย้ำความสำเร็จระดับโลก โรงแรมไทยแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ได้รับ ‘กุญแจมิชลิน’

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine