มีเงิน 1 แสน, 1 ล้านบาท ซื้อสลากออมทรัพย์ที่ไหนดี (มิ.ย. 68) - Forbes Thailand

มีเงิน 1 แสน, 1 ล้านบาท ซื้อสลากออมทรัพย์ที่ไหนดี (มิ.ย. 68)

ผ่านพ้นครึ่งปีมาแล้ว Forbes Thailand ชวนมาอัปเดตสลากออมทรัพย์ที่ออกมาใหม่ แม้ภาพรวมอัตราดอกเบี้ยหน้าสลากจะปรับลดลง ตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลง แต่พบว่าส่วนใหญ่รางวัล และอายุสลากฯ ยังใกล้เคียงเดิม


    ครั้งนี้ Forbes Thailand รวบรวมและเปรียบเทียบ 5 สลากออมทรัพย์ใน 3 ธนาคารหลัก ได้แก่ ธนาคารออมสิน*, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่าถ้าเราซื้อในวงเงิน 100,000 และ 1,000,000 บาท จะได้ผลตอบแทนขั้นต่ำเท่าไร

มีเงิน 100,000 บาท สลากฯ ไหนคุ้มที่สุด

    ในเดือน มิ.ย. 68 นี้ ใน 5 สลากออมทรัพย์ที่ยังเปิดขาย ถ้าเราซื้อสลากออมทรัพย์ 100,000 บาท และถือจนครบอายุพบว่าสลากออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนขั้นต่ำสูงสุด ได้แก่

    1) สลากออมทรัพย์ชุดนาคราช 2 ของ ธอส. อายุ 3 ปี ราคา 1,000 บาทต่อหน่วย จะได้รับรางวัล 60 บาทต่อเดือน (ปีละ 720 บาท) มาจากเลขท้าย 2 ตัว และเลขท้าย 2 ตัว ของรางวัลที่ 1 ส่งผลให้มีอัตราผลตอบแทนรวมขั้นต่ำที่ 1.47% ต่อปี

    2) สลามออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดหยกจักรพรรดิ อายุ 2 ปี ราคา 10,000 บาทต่อหน่วย อัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ อยู่ที่ 1.40% ต่อปี

    3) สลามออมทรัพย์ ธอส. ชุดพิมานมาศ ปี 2568 อายุ 2 ปี ราคา 50,000 บาทต่อหน่วย อัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ อยู่ที่ 1.25% ต่อปี

    4) สลากออมสินพิเศษ (และแบบดิจิทัล) อายุ 1 ปี ราคา 100 บาทต่อหน่วย จะได้รับรางวัล 80 บาทต่อเดือน (ปีละ 960 บาท) จากเลขท้าย 3 ตัว ทำให้มีอัตราผลตอบแทนรวมแบบการันตีที่ 1.21% ต่อปี

    5) สลากออมสินพิเศษ (และแบบดิจิทัล) อายุ 2 ปี ราคา 100 บาทต่อหน่วย มีอัตราดอกเบี้ย 0.45% ต่อปี


ซื้อสลากฯ 1 ล้านบาท ที่ไหนได้ผลตอบแทนแบบขั้นต่ำสูงที่สุด

    เบื้องต้นสำหรับวงเงิน 1 ล้านบาท หากถือไว้จนครบกำหนด สลากออมทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูงที่สุด (รวมอัตราดอกเบี้ย และรางวัลขั้นต่ำ) คือ

    อันดับ 1 สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดนาคราช 2 อายุ 3 ปี ราคา 1,000 บาทต่อหน่วย ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนรวม 1.59% ต่อปี โดยจะมาจากอัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ ที่ราว 0.75% ต่อปี (ครบกำหนดรับ 22.50 บาทต่อหน่วย) และที่เหลือมาจากเงินรางวัลรวม 8,400 บาท (เดือนละ 700 บาท มาจากเลขท้าย 2 ตัว, เลขท้าย 2 ตัว ของรางวัลที่ 1 และเลขท้าย 4 ตัว) ทั้งนี้ ยังสามารถลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 3 ล้านบาท ได้ถึง 36 งวด

    อันดับ 2 สลามออมทรัพย์ ธอส. ชุดพิมานมาศ ปี 2568 อายุ 2 ปี ราคา 50,000 บาทต่อหน่วย มีอัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ ที่ 1.25% ต่อปี ทั้งนี้ หากซื้อสลากฯ ในวงเงิน 500,000 บาท จะมีอัตราผลตอบแทนรวมที่ 1.5140% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากการถูกรางวัลอีกเดือนละ 110 บาท นอกจากนี้ สามารถลุ้นรางวัลที่ 1 มีมูลค่า 3 ล้านบาท ได้ 24 งวด

    อันดับ 3 สลากออมสินพิเศษ (และแบบดิจิทัล) อายุ 1 ปี ราคา 100 บาทต่อหน่วย อัตราผลตอบแทนรวม 1.40% ต่อปี มาจากอัตราดอกเบี้ย 0.20% ต่อปี และรางวัลเลขท้าย 3 ตัวและเลขท้าย 4 ตัว รวม 12,000 บาท (เดือนละ 1,000 บาท) สามารถลุ้นรางวัลที่ 1 มีมูลค่า 10 ล้านบาท

    อันดับ 3 เพราะผลตอบแทนขั้นต่ำเท่ากัน คือ สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดหยกจักรพรรดิ อายุ 2 ปี ราคา 10,000 บาทต่อหน่วย อัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ อยู่ที่ 1.40% ต่อปี ส่วนรางวัลที่ 1 อยู่ที่ 10 ล้านบาท
(หากซื้อในวงเงิน 10 ล้านบาท จะได้รับรางวัลขั้นต่ำ 1,000 บาท/เดือน คิดอัตราผลตอบแทนรวม 1.52% ต่อปี)

    อันดับ 4 สลากออมสินพิเศษ (และแบบดิจิทัล) อายุ 2 ปี ราคา 100 บาทต่อหน่วย มีอัตราผลตอบแทนรวม 1.29% ต่อปี มาจากอัตราดอกเบี้ย 0.45% ต่อปี และรางวัลเลขท้าย 4 ตัวรวม 16,800 บาท (เดือนละ 700 บาท) ส่วนรางวัลที่ 1 มีมูลค่า 30 ล้านบาท

    สำหรับสลากออมทรัพย์ของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ดูเหมือนจะมีอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่น้อยกว่าของสลากออมทรัพย์ของธอส. แต่มีเงินรางวัลก้อนใหญ่ให้ลุ้น อย่างรางวัลที่ 1 อยู่ที่ 10-30 ล้านบาทสูงกว่าของสลากออมทรัพย์ของ ธอส. ที่อยู่ราว 3 ล้านบาท

หมายเหตุ
*แต่ละสลากออมทรัพย์อาจมีเงื่อนไขย่อยที่แตกต่างกัน เช่น อายุผู้ที่ซื้อได้, วันออกรางวัล และขั้นต่ำในการซื้อ ฯลฯ


ภาพ: ธัญวดี นิรุติศาสตร์



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เกียรตินาคินภัทร ปิดดีลพันธมิตร Goldman Sachs Asset Management รุกธุรกิจความมั่งคั่ง-ขยายลงทุนนอก เจาะกลุ่มเศรษฐีไทย

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine