ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท ขณะที่ธุรกิจงานรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมอาคารมีมูลค่าถึง 2.8 แสนล้านบาท ถือเป็นเค้กก้อนโตสำหรับผู้ดำเนินธุรกิจอย่าง บมจ. QTCG ผู้ดำเนินธุรกิจงานรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมอาคาร ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี พร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อขยายธุรกิจรองรับการเติบโต และผลักดันรายได้แตะระดับพันล้านบาทในปีนี้
ธิติวัฒน์ เงินนำโชคธนรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ QTCG หันหลังให้กับงานประจำเพื่อออกมาตั้งบริษัทเมื่อ 20 ปีก่อน ด้วยเสียงเรียกร้องจากบุตรสาวที่ต้องการให้พ่อมีเวลาให้มากขึ้น จากวันนั้นถึงวันนี้ QTCG เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเคยมีรายได้เกือบ 1,200 ล้านบาทในช่วงก่อนโควิด หลังเจอวิกฤตธุรกิจหยุดชะงัก แต่ QTCG ยังประคองตัวมาได้ ด้วยความ “อึด ถึก ทน และไม่ย่อท้อ” จนค่อยๆ กลับมาเติบโตตามการฟื้นตัวของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย ที่มีมูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนของธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบวิศกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) ได้แก่ ระบบไฟ ระบบอากาศ ระบบประปา มีมูลค่ากว่า 2.8 แสนล้านบาท
ธิติวัฒน์ ซึ่งเรียนจบปริญญาตรีวิศวกรรมไฟฟ้า สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นประธานรุ่น และชอบทำกิจกรรม ทำให้มีคอนเนคชั่นค่อนข้างดีกับรุ่นพี่ รุ่นน้อง และการทำงานประจำที่บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) ในฝ่ายขายและการตลาด ทำให้พบเจอกับลูกค้าโดยตรงทั่วประเทศ ด้วยคอนเนคชั่นที่มี หลังจากก่อตั้งบริษัท QTCG ได้รับชื่อเสียงในการเป็นบริษัทที่ติดต่อขอติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงสูงได้เร็วที่สุดในประเทศ โดยใช้เวลาเพียง 15 วัน จากปกติจะใช้เวลา 2 - 3 เดือน และกลายเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้ QTCG เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง
“ช่วง 5 ปีแรก ของการก่อตั้งบริษัท QTCG ลุยธุรกิจที่ภาคตะวันออกเป็นหลัก ทั้งฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง รับงานติดตั้งระบบไฟให้กับบริษัทขนาดใหญ่ อย่างปั้มน้ำมันเชลล์กว่า 500 สาขา กลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี หลัง 5 ปีมองว่าต้องขยายธุรกิจมากขึ้น จึงเข้ารับงานในกรุงเทพฯ และผลงานที่ทำให้ QTCG เป็นที่รู้จัก คืองานติดตั้งระบบให้กับศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ และโครงการที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์อย่าง 98 Wireless บนถนนวิทยุของกลุ่มแสนสิริ”
พร้อมระดมทุนขยายธุรกิจเติบโต
วันนี้ QTCG พร้อมขยายธุรกิจไปอีกขั้น หลังจากได้รับการอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์จากสำนักงาน ก.ล.ต. ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และคาดว่าจะสามารถนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ภายในไตรมาส 1/2567 นี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้น 600 ล้านหุ้น แบ่งเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 210 ล้านบาท และมีนโยบายจ่ายเงินปันผล ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล
ธิติวัฒน์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจและเพิ่มโอกาสการรับงานโครงการต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยบริษัทฯ จะนำเม็ดเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัทฯ ภายในปี 2567 - 2568 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในการขยายโอกาสสู่การสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการด้านรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) อย่างครบวงจรของประเทศไทย
“บริษัทฯ เชื่อว่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนให้ฐานะทางการเงินของ QTCG มีความแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าเดิม สู่การขับเคลื่อนสำหรับการรองรับการเข้าประมูลโครงการใหญ่ในอนาคต เพื่อต่อยอดและขยายฐานงานเดิมที่มีอยู่ ซึ่งแนวโน้มในขณะนี้งานรับเหมาก่อสร้างกลับมาขยายตัวหลังจากมีรัฐบาล และผลักดันงบรายจ่ายประจำปี ขณะที่การก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในกลุ่มไฮเอนด์มีการเติบโตสูง ถือเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจของ QTCG อย่างยั่งยืนในอนาคต”
ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2566 บริษัทฯ มีมูลค่างานที่ยังไม่ได้รับรู้รายได้ (backlog) ประมาณ 1,248 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานขนาดใหญ่ในกลุ่มลูกค้าที่มีชื่อเสียง อาทิ โครงการ CIB International school โครงการ คอนโด ชูช์ ราชเทวี (SHUSH) โครงการก่อสร้างอาคารกระทรวงมหาดไทย โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซน C โครงการ วัน อมตะ โครงการก่อสร้างอาคารใหม่ตลาดยิ่งเจริญ โครงการ KIS International school เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีงานรอประมูลภายในปี 2567 มูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท จากสถิติที่ผ่านมา QTCG มีโอกาสประมูลงานได้ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 40%
ทั้งนี้ QTCG ดำเนินธุรกิจด้านงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) อย่างครบวงจร ประกอบด้วย
1. ระบบไฟฟ้าและการสื่อสาร
2. ระบบปรับอากาศและการระบายอากาศ
3. ระบบสุขาภิบาลและระบบประปา
4. ระบบป้องกันไฟภายในอาคาร
จากประสบการณ์ กว่า 22 ปี ทำให้บริษัทฯ มีทีมวิศวกรที่มีศักยภาพให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมภายในอาคารทุกระบบอย่างครบวงจร ทั้งในรูปแบบผู้รับเหมาหลัก (Main contractor) และในรูปแบบผู้รับเหมาช่วง (Subcontractor)
สำหรับจุดแข็งของ QTCG ที่ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการดำเนินงานติดตั้งวิศวกรรมประกอบอาคารอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถรับงานได้หลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มอาคาร กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มโรงแรม เป็นต้น ซึ่งการมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกระจายในหลากหลายอุตสาหกรรมจะสามารถสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ด้วยคำมั่นสัญญาที่อยู่ในชื่อบริษัท Q - Quality การส่งมอบงานที่มีคุณภาพ, T - Technology ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย, C - Commitment ความมุ่งมั่นทำงานให้ลูกค้าได้ตามเป้าหมาย และ G - Grit ความอดทนไม่ย่อท้อ
ธิติวัฒน์ กล่าวว่า จากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและงานระบบในประเทศไทย คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้แตะระดับ 1,000 ล้านบาท และสามารถเติบโตได้อย่างน้อย 20% ต่อปี ในช่วง 3 - 5 ปีข้างหน้า และด้วยความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่าง “อึด ถึก ทน” ภายใต้สภาวะแวดล้อมของประเทศไทย ไม่ว่าจะผ่านวิกฤตมากี่ครั้ง ก็ไม่เคยท้อ เพราะเชื่อมั่นว่าจะผ่านไปได้ ด้วยการรู้จักลูกค้าทุกกลุ่ม เข้าใจความต้องการและปัญหาของงานรับเหมา ด้วยสถานะการเงินและพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะทำให้ QTCG ก้าวสู่ผู้นำในธุรกิจด้านงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : "กรุงศรี" ประกาศแผนธุรกิจระยะกลาง ยึด 3 หลัก เชื่อมโยงอาเซียน มุ่งเน้นความยั่งยืน สู่ความเป็นหนึ่งในภูมิภาค
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine