กระทรวงพาณิชย์ เผยส่งออกไทยเดือน พ.ค. 67 ขยายตัว 7.2% ภาพรวม 5 เดือนแรกส่งออกโต 2.6% ทำให้ดุลการค้ากลับมาเกินดุลในรอบ 5 เดือน มองแนวโน้มทั้งปียังโตดี แต่เสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน พ.ค. 2567 มีมูลค่า 26,219.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 960,220 ล้านบาท) ขยายตัว 7.2% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 6.5%
ทั้งนี้ การส่งออกไทย ทำมูลค่าสูงสุดในรอบ 14 เดือน ทำให้ดุลการค้ากลับมาเกินดุลในรอบ 5 เดือน โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากการส่งออกสินค้าเกษตร เนื่องจากเป็นเดือนที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก
- มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 19.4% YoY ขยายตัวต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 2 โดยสินค้าสินค้าเกษตร กลับมาขยายตัวถึง 36.5% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 0.8% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2
- มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 4.6%YoY ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน
ขณะเดียวกันภาคการผลิตของโลกฟื้นตัวได้ดี สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของโลก (Global PMI) ที่มีทิศทางขยายตัวเร่งขึ้น ตามเศรษฐกิจโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในเดือน พ.ค. 67 การนำเข้า มีมูลค่า 25,563.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 1.7% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยดุลการค้า เกินดุล 656.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ ภาพรวม 5 เดือนแรก (ม.ค. - พ.ค.) ของปี 2567 การส่งออก มีมูลค่า 120,493.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 4.3%) ด้านการนำเข้า มีมูลค่า 125,954.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3.5% ส่วนดุลการค้า 5 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 5,460.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
แนวโน้มการส่งออกในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 2567 จะยังเติบโตได้ดีโดยได้รับปัจจัยหนุนจากการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ช้าแต่มั่นคง โดยการประเมินขององค์การการค้าโลก (WTO) ระบุว่าปริมาณการค้าโลกจะขยายตัว 2.6% จากปีก่อนหน้า จากปัญหาเงินเฟ้อที่บรรเทาเบาบางลง และท่าทีของธนาคารกลางแต่ละประเทศที่มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนและการผลิตโลกให้ฟื้นตัวอีกครั้ง
แต่ยังมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งปัญหาค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นในบางเส้นทาง อาจเป็นปัจจัยลบต่อการส่งออกไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ ผลการเลือกตั้งของแต่ละประเทศยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลต่อนโยบายการค้าที่มีต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : LH Bank รุกตลาดเงินฝาก ตั้งเป้าโตปีละ 10% จากปัจจุบันที่ 240,000 ล้านบาท Bank รุกตลาดเงินฝาก ตั้งเป้าโตปีละ 10% จากปัจจุบันที่ 240,000 ล้านบาท
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand