การจะสร้างหนึ่งล้านบาทแรกในชีวิตด้วยตัวเอง ไม่ได้มาจากฐานครอบครัวที่พร้อมอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องยาก เพราะกว่าจะไต่ระดับจากหลักหมื่นหลักแสนได้มันลำบากจากฐานทุนที่ต่ำ แต่ถ้าสัมผัสกับล้านบาทแรกได้ เชื่อว่าหลังจากนั้นอะไรๆ ก็ไม่ยากอีกต่อไป
คราวนี้ ถ้าเราจะปั้นพอร์ทระดับล้านบาทให้เป็นพันล้านบาท หรือ
Million To Billion ฟังดูอาจจะยากเพราะต้องสร้างเลขศูนย์ต่อท้ายเพิ่มอีกหลายตัว แต่รับรองได้ว่าไม่ยากเกินไปเพราะเรามีเครื่องมือที่เรียกว่า
“ตลาดทุน” แม้คนส่วนใหญ่จะยังไม่รู้จักมันดีพอ แต่ผมอยากให้ทุกคนลองศึกษาดูเพราะว่ามันช่วย Leverage เงินของเราได้เร็วจริงๆ
แต่ถ้าเราจะสร้างความมั่งคั่งให้ถึงหลักพันล้านบาท การเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ เต็มที่คุณอาจจะไปได้ถึงหลักร้อยล้าน แต่ถ้าจะแตะระดับพันล้าน ในตลาดตอนนี้น่าจะมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่ทำได้
การเป็นเจ้าของกิจการ และนำธุรกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นหรือใช้กลไกของเวนเจอร์แคปปิตอล ถือเป็นตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถสร้างความมั่งคั่งแตะระดับพันล้านบาทได้สำเร็จในระยะเวลาหนึ่งช่วงอายุเท่านั้น ผมยกตัวอย่างเจ้าของร้าน
อาฟเตอร์ยู หรือหุ้น
AU ที่สร้างมาร์เกตแคปหลักหลายร้อยล้านบาทได้เพียงไม่กี่ปีหลังจากที่เริ่มธุรกิจ ถ้าเจ้าของขอใช้เงินกู้ธนาคารมาขยายกิจการไปเรื่อยๆ ก็อาจทำได้แต่ไม่เร็วเท่าการเข้าตลาดหุ้น หรือผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทในตลาดหุ้นหลายท่านอย่าง
EA MTLS SAWAD CBG TKN ฯลฯ ก็สามารถมีชื่อติดอันดับเศรษฐีหุ้นในวารสารการเงินธนาคารได้ก็เพราะกลไกของตลาดทุน
ข้อดีของการใช้ตลาดทุนคือเป็นแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำ เพราะไม่เสียดอกเบี้ยเหมือนการกู้เงินธนาคาร มีค่าใช้จ่ายคือค่าที่ปรึกษา ค่าดำเนินการ และหากกิจการของเรามีคุณภาพ มีความสามารถในการแข่งขัน ต้นทุนดำเนินการไม่สูง งบการเงินสะอาด ระบบบัญชีได้คุณภาพ จะมีกลุ่มนักลงทุนหรือกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital) พร้อมที่จะใส่เงินลงทุนมาให้ อาจจะแลกมาด้วยสัดส่วนการถือหุ้นที่เสียไปบางส่วนแต่ยังไม่เสียอำนาจการบริหารไป เพราะนักลงทุนต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเจ้าของกิจการเป็นหลักถึงตัดสินใจใส่เงินลงทุนให้ ถึงอย่างไรก็ต้องให้สิทธิการบริหารกับเจ้าของเดิมอย่างเต็มที่
แต่ใช่ว่าผู้ประกอบการทุกรายจะสามารถใช้เครื่องมือของตลาดทุนได้ เพราะต้องแลกมาด้วยอะไรหลายอย่างเช่นกัน โดยเฉพาะการปรับปรุงธุรกิจให้มีคุณภาพ จุดสำคัญก็คือเรื่องของระบบบัญชีที่ต้องถูกระเบียบทุกประการ หลายรายต้องการเสียภาษีให้น้อยจึงทำบัญชีสองเล่ม แบบนี้โอกาสจะได้รับเงินทุนหรือเข้าตลาดหุ้นจะค่อนข้างยาก การได้ที่ปรึกษาหรือพี่เลี้ยงที่ดีจึงมีความสำคัญอย่างมาก
ล่าสุด ผมได้ริเริ่มโครงการแรกของ
บริษัท ซุปเปอร์คอร์ปอเรชั่น ด้วยการเชิญผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆอย่าง บริษัทหลักทรัพย์ เออีซีจำกัด (มหาชน) เจ้าของธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นแล้วรวมถึงนักลงทุนเวนเจอร์แคปปิทอล มาให้ความรู้กับผู้ประกอบการที่สนใจกลไกของตลาดหุ้น สอบถามรายละเอียดได้ที่แฟนเพจ
Super Corporations