ภาคเอกชนมองบวก! กกร. มั่นใจ GDP ปี 67 โต 2.8% แต่ต้องติดตามผลกระทบน้ำท่วมภาคเหนือ-ใต้ - Forbes Thailand

ภาคเอกชนมองบวก! กกร. มั่นใจ GDP ปี 67 โต 2.8% แต่ต้องติดตามผลกระทบน้ำท่วมภาคเหนือ-ใต้

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกปี 2568 เผชิญความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้า ภายหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประกาศจะใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าเป็นนโยบายทางการค้า ทำให้ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอน โดยมีโอกาสเติบโตได้ต่ำกว่า 3% ส่วนเศรษฐกิจจีนมีโอกาสเติบโตได้เพียง 4.0-4.5% ขณะที่อาจกระทบการเติบโตของประเทศในอาเซียนได้มากทั้งจากการส่งออกไปจีนที่จะลดลง การส่งออกโดยภาพรวมที่จะลดลงเนื่องจากถูกทดแทนด้วยสินค้าจีน และการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัว


    ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการทางด้านภาษีจะเริ่มเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2568 เป็นต้นไป นโยบาย Trump 2.0 จะไม่จำกัดเฉพาะสินค้าจากจีนเท่านั้น แต่จะเป็นการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าจากทุกประเทศ โดยอาจจะขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 60% และจากประเทศอื่นๆ เป็น 10-20% รวมถึงจะใช้การเก็บภาษีเป็นนโยบายในการต่อรองกับคู่ค้า เช่น เม็กซิโก แคนาดา และกลุ่ม BRICS ซึ่งการขึ้นภาษีกับจีนอาจเกิดขึ้นได้เร็ว โดยเฉพาะกับสินค้าที่สหรัฐฯ เคยเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นในช่วง Trump 1.0

    ในส่วนของเศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.8% มีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกที่ดีกว่าที่คาด มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ โดยคาดว่าจะโตได้ราว 4% ในไตรมาสที่ 4

    ขณะที่ปี 2568 และประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวได้ท่ามกลางความไม่แน่นอน โดยมีแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง และมาตรการภาครัฐทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ที่กำลังจะทยอยออกมา อาทิ การช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและกลุ่มผู้ประกอบการ SME การปรับกฎหมายเกี่ยวกับการเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปีเพื่อดึงดูดการลงทุน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าส่งออกหลัก อาทิ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดพลาสติก และยางล้อ ที่ประชุม กกร. จึงขอเสนอให้ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมกันเตรียมความพร้อมรับมือเจรจาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาษีนำเข้าและส่งออกกับสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า นอกจากนี้ กกร.ขอชื่นชมภาครัฐที่สามารถเจรจาความตกลงการค้าเสรีภายใต้ FTA-EFTA ระหว่างประเทศไทยและสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป ประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ ไอซ์แลนด์ และนอร์เวย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการค้าของประเทศไทยในอนาคต

    สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมที่ของประเทศไทยในปีนี้ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ประเมินความเสียหายไว้ประมาณ 75,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 0.5% ของ GDP ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ถือว่าเป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่เกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงเช่นกัน เบื้องต้น พบว่า หากสถานการณ์คลี่คลายได้เร็ว น่าจะมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 5,000 – 10,000 ล้านบาท หรือประมาณ 0.03 – 0.06% ของ GDP โดยพื้นที่ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด รวมถึงย่านการค้าสำคัญของ จ.สงขลา ทั้งนี้ หากรวมความเสียหายของน้ำท่วมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ น่าจะมีความเสียหายราว 80,000 – 85,000 ล้านบาท หรือประมาณ 0.6% ของ GDP


    

Photo by Tom Lorber on Unsplash



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กสิกรไทยเผยธุรกิจเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ไทยปี 68 แข่งแรง! ผลจาก ‘สินค้านอกตีตลาด-กำลังซื้อซบเซา-คู่แข่งเพียบ’

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine