กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง Visa ชี้ผูกขาดการชำระเงิน ทำราคาสินค้าพุ่ง - Forbes Thailand

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง Visa ชี้ผูกขาดการชำระเงิน ทำราคาสินค้าพุ่ง

เมื่อวันอังคารที่ 24 กันยายน 2024 ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ทำการยื่นฟ้องต่อศาลในนิวยอร์กว่า Visa เครือข่ายชำระเงินระดับโลก ทำการผูกขาดบริการการชำระเงิน ซึ่งมีผลให้ราคาของสินค้าและบริการเกือบทุกอย่างแพงขึ้น


    คำร้องของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า เป็นเวลากว่าทศวรรษที่ Visa ขยายอิทธิพลในตลาดการชำระเงินผ่านบัตรเดบิตด้วยการบีบบังคับให้ธุรกิจต่างๆ ใช้บริการเครือข่ายของ Visa แทนคู่แข่ง ตลอดจนขัดขวางไม่มีตัวเลือกใหม่ๆ เข้ามาในตลาด หากผู้ค้าขายรายใดที่หันไปใช้บริการชำระเงินเจ้าอื่นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เรียกว่า ‘Disloyalty Penalty’ หรือค่าปรับจากการไปใช้บริการเจ้าอื่น

    “Visa ใช้อำนาจขูดรีดค่าธรรมเนียมที่สูงมาก ซึ่งบริษัทฯ จะไม่มีทางเก็บค่าธรรมเนียมได้ขนาดนี้ในตลาดที่มีการแข่งขันกัน” อัยการสูงสุด Merrick Garland กล่าวในแถลงการณ์ “บรรดาผู้ค้าขายและธนาคารต่างๆ จึงส่งต่อภาระด้านราคามายังผู้บริโภค ไม่ว่าจะด้วยการขึ้นราคาหรือลดคุณภาพของสินค้าและบริการลงก็ตาม ผลลัพธ์จากการกระทำโดยมิชอบของ Visa ไม่เพียงกระทบราคาของสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ส่งผลต่อราคาของแทบทุกอย่าง”

    นอกจากนี้ เนื้อหาในคำร้องที่ยื่นของศาลในนิวยอร์กยังชี้ว่า กว่า 60% ของธุรกรรมทางการเงินในสหรัฐอเมริกาดำเนินการบนเครือข่ายชำระเงินของ Visa เอื้อให้บริษัทฯ ได้รับผลประโยชน์เป็นค่าธรรมเนียมการดำเนินการกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

    ด้าน Visa ได้ออกแถลงการณ์โต้ว่าคำร้องนี้ปราศจากซึ่งหลักฐาน และบริษัทฯ จะปกป้องตัวเองในชั้นศาล อีกทั้งยังระบุด้วยว่า Visa กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นโดยเฉพาะในโลกออนไลน์

    “ทุกคนที่ซื้อของออนไลน์หรือซื้อที่ร้านก็ตามต่างรู้ดีว่าบริษัทต่างๆ มีช่องทางการชำระค่าสินค้าและบริการใหม่ๆ ออกมามากมาย” Julie Rottenberg ที่ปรึกษาทางกฎหมายทั่วไปของ Visa เผย “การยื่นฟ้องในคราวนี้ละเลยความจริงที่ว่า Visa เป็นเพียงหนึ่งในผู้เล่นมากมายในตลาดการชำระเงินที่กำลังโตขึ้น โดยผู้เล่นหน้าใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

    ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้มีการเผยแพร่ข่าวว่า “Visa ชักชวนให้ผู้ที่อาจเติบโตเป็นคู่แข่งมาเป็นพาร์ทเนอร์กันเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าสู่ตลาดในฐานะคู่แข่ง โดยมีการเสนอเงินจำนวนมหาศาล” และชี้ว่า “Visa เข้ามาควบคุมการแข่งขันเพราะกลัวจะเสียส่วนแบ่งทางการตลาด รายได้ หรือถูกแทนที่ด้วยเครือข่ายชำระเงินผ่านบัตรเดบิตรายอื่น”

    ผู้ค้าขายและร้านค้าปลีกต่างร้องเรียนบริษัทอย่าง Visa และ Mastercard กันมาอย่างยาวนานจากการเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราที่สูงเกินไป ฝั่งกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ก็มีการต่อสู้กับบริษัทเหล่านี้ในประเด็นว่าด้วยการผูดขาดตลาดมาโดยตลอดเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2021 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เพิ่งจะขัดขวางไม่ให้ Visa ควบรวมกิจการกับ Plaid สตาร์ทอัพเทคโนโลยีทางการเงิน อีกทั้งยังมีการตรวจสอบการดำเนินงานของ Mastercard ในปีเดียวกัน

    Jon Donenberg รองผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติกล่าวว่า “เราไม่มีความเห็นเกี่ยวกับการยื่นฟ้องของกระทรวงยุติธรรมในครั้งนี้ แต่รัฐบาล Biden-Harris เชื่อมั่นชัดเจนมาตลอดว่าเศรษฐกิจของอเมริกาจะเติบโตได้ดีเมื่อมีการแข่งขันอย่างแท้จริง”


แหล่งที่มา:

US sues Visa for monopoly on debit-card use affecting ‘price of nearly everything’

US Justice Department accuses Visa of illegal monopoly that adds to the price of ‘nearly everything’


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ไม่ได้มีแค่คอนเทนต์บันเทิง! วิจัยเผยชาวอเมริกันราว 17% เสพข่าวทาง TikTok

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine