ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ธุรกิจยิ่งต้องปรับตัวตามให้ทัน ล่าสุด Forbes Thailand จัดงานสัมมนา The Next Tycoons 2024 ในหัวข้อ The FUTURPRENEUR: Reimagine, Reinvent, Refine
ทั้งนี้ Panel Discussion 1: Reimagine New-Age Leadership Mindset ได้รับเกียรติจาก 2 ผู้บริหารที่จะมาแชร์ “มุมมองใหม่” ในการนำพาองค์กรฝ่าความท้าทายที่กำลังถาโถมเข้ามา
เริ่มกันที่ ‘ปกเขตร รัชกิจประการ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด กล่าวว่า Maxbit เราเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ร่วมทุนกับ PTGenergy และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของไทย
Maxbit เริ่มให้บริการมาตั้งแต่ต้นปี 2567 ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มูลค่าหลักร้อยล้านบาท แต่ส่วนที่น่าสนใจคือ มูลค่าการซื้อขายอยู่สูงที่หลักพันล้านบาทต่อเดือน ถือว่าเป็นการเปิดตัวได้ดี ปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ลูกค้ารายใหญ่ สถาบันมากกว่า เรายังไม่ได้รุกเข้าไปในฝั่งรายย่อยเท่าไร แม้ว่าจะสามารถต่อยอดจาก บัตรสมาชิก พีที แมกซ์” (PT MAX CARD) ที่มีสมาชิกราว 20 ล้านราย ซึ่งเราสนใจการทำธุรกิจรายย่อย แต่ประเมินว่ายังไม่ใช้จังหวะเวลา คาดว่าจะรอถึงช่วงที่สินทรัพย์ดิจิทัลกลับมาบูม (เบื้องต้นคาดว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะกลับมาบูมไตรมาส 1-2 ปี 2568)
หากถามถึงความท้าทายของธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล หนึ่งในนั้นคือ กฎเกณฑ์ใหม่เรื่องการโฆษณา ที่แน่นอนว่าเราพยายามสร้างการเข้าถึงลูกค้าอย่างมีความรับผิดชอบยิ่งขึ้น ให้ผู้ลงทุนเข้าใจความเสี่ยง ขณะเดียวกันต้องมีความสร้างสรรค์ให้มากขึ้น ทั้งคำโฆษณา และอื่นๆ อย่างไรก็ตามในปี 2567 นี้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดราว 10% ในปี 2568 ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นอันดับ 2 ของตลาดฯ
“การที่เราจะเป็นหนึ่งในนั้นได้ แม้เรามาทีหลัง กลยุทธ์ของเราจะต้องแตกต่างจากผู้เล่นที่มีในตลาด สิ่งที่เราเน้นย้ำและโฟกัส คือ ไม่ใช่คุณมีสินทรัพย์ 100 แล้วจะนำไปลงใน Digital asset ทั้งหมด แต่ควรจะกระจายการลงทุน เช่น 3-5% ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง และจะเน้นการให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น” ปกเขตร กล่าว
จากฟากฝั่งของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ลองมาฟังมุมมองของทายาทธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่ทำธุรกิจในไทยมาเนิ่นนานอย่าง ‘ธิดา แก้วบุตตา’ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ที่เล่าว่า นับสิบปีที่บริษัทฯ ทำธุรกิจ Non-Bank (ธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร) โดยให้บริหารสินเชื่อซึ่งส่วนใหญ่กว่า 97% จะมีหลักประกันเป็น รถยนต์ บ้าน ที่ดิน ฯลฯ และปัจจุบันมีสาขาเกือบ 6,000 สาขาทั่วประเทศ มีฐานข้อมูลลูกค้ากว่า 10 ล้านราย (ทุกวันนี้ราว 1-2 ล้านราย) โดยมีพอร์ตสินเชื่อราว 100,000 ล้านบาท
ด้านฐานลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มเปราะบางที่อาจยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อของธนาคาร หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มนี้เราจึงให้บริการสินเชื่อได้เร็ว ภายใต้การบริหารความเสี่ยงให้ดี นอกจากนี้ เรายังมีคู่แข่งเป็นกลุ่มหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็น MileStone ถัดไปของ ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ที่จะค่อยๆ ทดแทนกลุ่มหนี้นอกระบบ แต่เชื่อว่าปัญหานี้ทุกภาคส่วนควรให้ความสำคัญ
ในด้านการปรับใช้เทคโนโลยี แม้ปัจจุบันด้วยลักษณะธุรกิจยังต้องพบเจอลูกค้า และตีมูลค่าหลักทรัพย์เพื่อบริหารความเสี่ยงให้รอบด้าน แต่เราเริ่มปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบหลังบ้าน เพื่อสร้าง Operation ที่ดีและต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ใช้บริการได้อย่างราบรื่น ซึ่งตอนนี้เริ่มใช้ AI (ปัญญาประดิษฐ์) มาเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้พร้อมรับการพัฒนาที่จะเกิดขึ้น หากในอนาคตพฤติกรรมของลูกค้าอาจเปลี่ยนแปลงไป เช่น อาจจะขอสินเชื่อ (ผ่านมือถือ) จากที่ไหนก็ได้ เราก็พร้อมทำระบบให้รองรับความต้องการของลูกค้าที่จะเปลี่ยนไป
หากถามถึงความท้าทายในระยะที่ผ่านมา ธิดา เล่าว่า "ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาเป็นวิกฤตความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามทุกอย่าง Sensitive ไปหมด ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำเป็นหลักคือการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า" ซึ่งความเชื่อมั่นสร้างได้หลายแบบ อาทิ ด้านภาพลักษณ์ หรือการมีระบบหลังบ้านที่บริหารจัดการได้ดี รวมถึงการให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้า หลังจากเราจะมุ่งสร้างความเชื่อมั่นในด้านต่างๆ และสร้างธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกับสังคมไทยผ่านการทำให้ลูกค้ามั่นใจที่จะใช้บริการกับเรา ไม่ต้องใช้เงินนอกระบบ
สุดท้ายนี้ แม้ธุรกิจจะต้องเจอการเปลี่ยนแปลงทั้งจากผู้บริโภค และความท้าทายต่างๆ ที่ควบคุมได้ยาก แต่ด้วยมุมมองที่ก้าวไกล การมุ่งมั่นทำความเข้าใจในเนื้อแท้ของธุรกิจ และการวางแผนเพื่อรับมือสถานการณ์ต่างๆ ยังคงเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Forbes Thailand จัดเสวนา The Next Tycoons 2024 หัวข้อ The FUTURPRENEUR: Reimagine, Reinvent, Refine ผู้นำทางธุรกิจยุคใหม่ มุมมองใหม่ องค์ความรู้ใหม่ สู่ปรัชญาแห่งความสำเร็จฉบับใหม่
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine