จากประเด็นร้อนที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร EA และพวกรวม 3 คนในกรณีการทุจริตฯ นำสู่เมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ อมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ประกาศลาออกจากการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ
เช้าวันนี้ (15 ก.ค.) ทาง EA ได้จัดงานแถลงข่าวด่วนที่มาพร้อมการแต่งตั้งบอร์ดชุดใหม่ และภาระหนี้ที่มีอยู่ โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) ได้มีมติแต่งตั้งให้นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการบริษัทฯ รับตำแหน่ง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และแต่งตั้งกรรมการบริษัทเพิ่มเติม (มีผลเมื่อ 14 ก.ค. 2567) ได้แก่
- นายชัชวาลย์ เจียรวนนท์
- นายวสุ กลมเกลี้ยง
- นายฉัตรพล ศรีประทุม
นอกจากนี้ เตรียมเสนอเพิ่มจำนวนกรรมการ และพิจารณาแต่งตั้ง นายสุพันธุ์ มงคลสุธี เป็นกรรมการใหม่ของบริษัท
หลังจากนี้ EA จะมีคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ (Executive Committee) โดยแต่งตั้ง
- นายวุฒิเลิศ เจียรนิลกุลชัย เป็นประธาน
- นายสมใจนึก เองตระกูล กรรมการบริหาร
- นายสมบูรณ์ อาหุนัย กรรมการบริหาร
- นายจำรัส สว่างสมุทร กรรมการบริหาร
- นายณาศิส ประเสริฐสกุล กรรมการบริหาร
- นายวสุ กลมเกลี้ยง กรรมการบริหาร
- นายฉัตรพล ศรีประทุม กรรมการบริหาร
นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ EA กล่าวย้ำว่า พื้นฐานของ EA ยังมั่นคง ธุรกิจมีการเติบโตต่อเนื่อง ที่สำคัญยังมีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และไม่กระทบการเซ็นสัญญาโครงการด้านไฟฟ้ากับ สปป. ลาว
ปัจจุบัน แม้ต้องเผชิญกับปัญหาความเชื่อมั่น ที่จากต้นปีนี้เจอทั้งการโดนทุบ จนถึงข่าว ก.ล.ต. แต่มองว่าคงไม่มีกรณีเลวร้ายกว่านี้แล้ว และมองว่าหลังจากนี้จะพลิกสถานการณ์ได้
โดยกรณีคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารบริษัทฯ คณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษ และรายงานต่อคณะกรรมการบริษัททราบโดยเร็ว
“แม้ว่าคุณสมโภชน์และคุณอมรจะต้องลาออกไป แต่มั่นใจว่าจะไม่เป็นปัญหาต่อการดำเนินธุรกิจ แผนการขยายธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทฯ ทำงานด้วยระบบและทีมงานที่ตั้งขึ้นมาเป็นผู้ที่ทำงานร่วมกับคุณสมโภชน์และคุณอมรในโครงการต่างๆมายาวนานและเป็นมืออาชีพ ผมเชื่อมั่นว่า EA อยู่ในธุรกิจที่ดีที่มีอนาคต มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีได้“ นายสมใจนึก กล่าว
ด้านภาระหนี้สินของบริษัทฯ ที่จะครบกำหนดชำระในไตรมาสที่ 3 และ 4 ในปี 2567 นี้ ได้แก่ ภาระหนี้จากสถาบันการเงินประมาณ 3,200 ล้านบาท มีทั้งธนาคารไทย และต่างประเทศ ได้แก่
- ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เป็นธนาคารหลัก
- ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB)
- องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA)
- ธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb)
- ธนาคารมิซูโฮ
นอกจากนี้ ในปี 2567 แม้จะมีหุ้นกู้ครบกำหนดชำระรวม 5,500 ล้านบาท เชื่อว่าจะมีกระแสเงินสดหรือ Cash flow เพียงพอ เพราะในแต่ละเดือนยังมี Cash flow เข้ามา 1,000 ล้านบาท โดยรวมประเมินว่าสามารถชำระได้ด้วยกระแสเงินสดจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมประมาณ 5,000 ล้านบาท (หัก Adder ของโครงการที่ครบกำหนดแล้ว)
ส่วนแผนการออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดอีก 2 ชุดในปีนี้ คาดว่าจะออกได้ตามแผน ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการยื่นเอกสารต่อ ก.ล.ต เพื่อเสนอขาย หากการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ไม่ได้ครบตามจำนวน ได้เตรียมวงเงินสำรองจากสถาบันการเงินไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าวันนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยคณะทำงานเพื่อการลงทุนอย่างยั่งยืน ได้มีมติถอด EA ออกจากรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings เนื่องจากบริษัทฯ ขาดคุณสมบัติตามเกณฑ์ SET ESG Ratings ที่กำหนดไว้ว่า “ต้องไม่เป็นบริษัทที่ถูกกล่าวโทษหรือได้รับการตัดสินความผิดจากทางการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือมีกรรมการหรือผู้บริหารถูกกล่าวโทษหรือได้รับการตัดสินความผิดจากทางการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการกำกับดูแลกิจการ การสร้างผลกระทบด้านสังคมหรือสิ่งแวดล้อม” โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 2567
ขณะที่ข้อมูลจาก ก.ล.ต. ระบุว่า ณ สิ้นเดือน พ.ค. 2567 ภายในกองทุนรวม Thai ESG มีมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดของกองทุนรวม (NAV) ทั้งหมด 6,844 ล้านบาท มีการลงทุนในหุ้นบริษัท EA รวม 24 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 0.35% ของ NAV ทั้งหมด ดังนั้น กองทุนรวม Thai ESG ทุกกองทุนสามารถลงทุนได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด แม้จะไม่นับการลงทุนในหุ้นบริษัท EA เป็น eligible assets
สำหรับกองทุนรวมอื่น ๆ มีมูลค่าการลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท EA คิดเป็น 0.06% ของ NAV รวมทั้งอุตสาหกรรม โดย บลจ. มีหน้าที่ใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาลงทุนตามความเหมาะสมด้วย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กก.ล.ต. กล่าวโทษกรรมการ-ผู้บริหาร EA และพวก รวม 3 ราย ต่อ DSI กรณีทุจริตจัดซื้อฯ พร้อมส่งเรื่องต่อ ปปง.
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand
