แบงก์ไทยเครดิตเผยไตรมาส 1 ปี 68 มีกำไรสุทธิ 903.0 ล้าน โต 100%YoY ผลจากตั้งสำรองลดลง 42.5% - Forbes Thailand

แบงก์ไทยเครดิตเผยไตรมาส 1 ปี 68 มีกำไรสุทธิ 903.0 ล้าน โต 100%YoY ผลจากตั้งสำรองลดลง 42.5%

ธนาคารไทยเครดิตรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ด้วยกำไรสุทธิที่ 903.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านสินเชื่อปีนี้ยังใช้กลยุทธ์การดำเนินงานที่เน้นความระมัดระวัง โดยกำไรฯ ที่เติบโตยังมาจากการตั้งสำรองฯ ที่ลดลง 42.5%


    นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต หรือ CREDIT เปิดเผยว่า แม้จะอยู่ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ ธนาคารไทยเครดิตยังคงดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นความรอบคอบและมีวินัยทางการเงิน โดยให้ความสำคัญกับการบริหารคุณภาพของสินเชื่ออย่างเข้มงวด พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่นสูง ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในสภาพแวดล้อมแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารสามารถรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

    ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2568 พบว่า ธนาคารฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 903.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 42.5%YoY ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังของธนาคาร การออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง และการเพิ่มจำนวนพนักงานเก็บเงินและเร่งรัดหนี้สินอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คุณภาพของสินทรัพย์ดีขึ้น

    อย่างไรก็ตาม NPL Coverage Ratio ยังอยู่ในระดับสูงที่ 150.7% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินงานที่ยังมุ่งเน้นความระมัดระวัง

    ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 ได้แก่

    - ยอดเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 165,889.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7%YoY

    - กำไรสุทธิ อยู่ที่ 903.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.8%YoY

    - รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 3,599.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6%YoY

    - ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 7.9% (ลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ระดับ 8.5%)

    - รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ติดลบ 6.1 ล้านบาท ลดลง 131.1%YoY

    - ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,358.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 42.2%

    - สินเชื่อรวมที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต หรือ หนี้เสีย (NPL) ณ สิ้นเดือน มี.ค. 68 อยู่ที่ 8,476.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากสิ้นเดือน ธ.ค. 67 ที่อยู่ระดับ 8,316.5 ล้านบาท

    - อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 4.4% ส่วนอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ 150.7%

    - ธนาคารตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 1,643 ล้านบาท ลดลง 42.5%YoY



ภาพ: Credit



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ธ.เกียรตินาคินภัทร เผยไตรมาส 1 ปี 68 มีกำไรฯ 1,062 ล้าน ลดลง 29.5%YoY หลังเน้นปล่อยสินเชื่อคุณภาพสูง

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine