"citi" เผยเป้าหมายธุรกิจจาก "Investor Day 2022" - Forbes Thailand

"citi" เผยเป้าหมายธุรกิจจาก "Investor Day 2022"

citi เผยวิสัยทัศน์และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ในงาน “Investor Day 2022” ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรด้านการธนาคารที่ยืนหนึ่งสำหรับลูกค้าสถาบันที่มีความต้องการขยายธุรกิจข้ามพรมแดน รวมถึงการเป็นผู้นำระดับโลกด้านการบริหารความมั่งคั่ง ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวในเรื่องการวางแผนทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือสูง เชื่อมั่นว่าในช่วง 3-5 ปีต่อจากนี้ citi จะสามารถสร้างผลตอบแทน RoTCE อยู่ที่ 11-12%

เจน เฟรเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในแวดวงธุรกิจการเงินและธนาคาร ทำให้ซิตี้ได้ดำเนินการปรับกลยุทธ์ และตัดสินใจในเรื่องต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน โดยซิตี้ได้ทยอยปรับกลยุทธ์การดำเนินงานผ่านธุรกิจหลักขององค์กรด้วยการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ ควบคู่ไปกับการเร่งปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งความเป็นเลิศ และความรับผิดชอบแก่พนักงาน เพื่อผลักดันซิตี้แบงก์ให้สามารถดำเนินธุรกิจในทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต อันเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาช่วยเพิ่มผลตอบแทนแก่นักลงทุน ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและพันธมิตร เจน กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกันซิตี้ยังมุ่งเน้นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตและธุรกิจต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น โดยมุ่งเน้นที่สายธุรกิจหลักของซิตี้ทั้ง 5 ธุรกิจ ครอบคลุมด้านการบริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ การธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ การบริหารความมั่งคั่ง และการธนาคารเพื่อลูกค้าในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งเร่งกลไกการเติบโตที่ช่วยเพิ่มรายรับจากค่าธรรมเนียมให้มากขึ้นเพื่อความคุ้มค่าการลงทุนในสายบริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ สายบริการบริหารความมั่งคั่ง และสายธนาคารพาณิชย์ ส่วนสายธุรกิจการธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน และการธนาคารและสินเชื่อเพื่อลูกค้าบุคคล ตี้มุ่งเน้นไปที่ผลกำไรต่อหุ้นตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวออกแบบมาเพื่อให้ธนาคารเป็นศูนย์กลางการเติบโตแบบผสมผสานของธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งช่วยขับเคลื่อนรายได้ให้สูงขึ้น ยกระดับผลตอบแทน และลดต้นทุนเงินทุนของส่วนของผู้ถือหุ้น อีกทั้งยังเป็นการเตรียมองค์กรให้พร้อมก้าวสู่การเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะช่วยให้ซิตี้มีความคล่องตัว สามารถแข่งขันในโลกดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น ตอกย้ำการเป็นธนาคารชั้นนำที่ทันสมัย มาพร้อมความ​​เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าในช่วง 3-5 ปีต่อจากนี้  citi จะสามารถสร้างผลตอบแทน RoTCE (Return on Average Tangible Common Shareholders' Equity) อยู่ที่ 11-12% ซึ่งคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาในการลงทุนและดำเนินการเพื่อใหบรรลุเป้าหมายระยะกลาง ส่วนในระยะยาวคาดว่า RoTCE จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พร้อมกันนี้ซิตี้ได้เดินหน้าเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจต่าง ๆ ให้แข็งแกร่ง เพื่อมอบประสบการณ์บริการลูกค้าปัจจุบันรวมถึงลูกค้ารายใหม่ได้ดียิ่งขึ้นทั้งในแง่ผลิตภัณฑ์และภูมิศาสตร์ ตลอดจนในทุกระยะการเติบโตของลูกค้า ไม่เพียงเท่านั้นซิตี้ยังได้เดินหน้าผลักดันเหล่าคนทำงานที่มีประสิทธิภาพให้ได้รับการเติบโตในสายงาน ตลอดจนสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ให้มากขึ้นด้วยการเปิดรับผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมงานอีกด้วย เจน กล่าวทิ้งท้าย ด้าน ทีบอร์ พานดิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ที่เกิดขึ้นของซิตี้ทั่วโลกเป็นผลดีต่อลูกค้า ต่อเพื่อนร่วมงาน และองค์กร แม้ว่าซิตี้จะได้บรรลุข้อตกลงการขายธุรกิจธนาคารกลุ่มลูกค้าบุคคลในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม citi ยังคงดำเนินธุรกิจในประเทศไทยด้วยความมุ่งมั่นและมุ่งเน้นการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าสถาบันในไทยให้ได้รับการบริการด้านธนาคารที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องด้วยประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่สำคัญในขับเคลื่อนการเติบโตและคุณค่าของซิตี้ อ่านเพิ่มเติม: Pragma and Will Group ผนึกกำลัง Humanica สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในวงการ HR

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine