ห้างทองจากจีน ‘Chow Tai Fook’ ขยายสู่ไทย! หลังมั่นใจตลาด เปิดสโตร์ใหญ่ในกรุงเทพฯ

ห้างทองจากจีน ‘Chow Tai Fook’ ขยายสู่ไทย! หลังมั่นใจตลาด เปิดสโตร์ใหญ่ในกรุงเทพฯ

ห้างทองชื่อดังของจีน Chow Tai Fook มั่นใจเศรษฐกิจไทยและอาเซียนเติบโต รุกเข้าเปิดร้านเครื่องประดับทองคำและจิวเวลรี่เต็มรูปแบบในกรุงเทพฯ ส่งคอลเลคชั่นเจาะหนุ่มสาวด้วยดีไซน์โมเดิร์นคลาสสิก


    กระแสการปรับราคาทองคำยังคงอยู่ในระดับสูง แม้จะเริ่มมีสัญญาณชะลอตัว แต่โดยภาพรวมราคาทองคำยังคงอยู่ในเกณฑ์สูง หลังราคาทองคำโลกทยานแตะ 4,200 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ไปเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลราคาทองคำไทยปรับตัวสูงสุดกว่า 67,000 บาทต่อบาททองคำในช่วงนั้น นักลงทุนยังคงสะสมทองคำ ขณะที่ทองรูปพรรณก็อยู่ในความสนใจของผู้บริโภคตลาดค้าทองคำยังคงคึกคัก

    ช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ (15-17 ต.ค.) บริษัทผู้ผลิตและค้าปลีกค้าส่งทองคำรายใหญ่ของจีน Chow Tai Fook (โจวไทฟุก) จัดทริปนำสื่อมวลชนจากไทยเดินทางไปเยี่ยมชม ธุรกิจการผลิตและจำหน่ายทองคำที่เมือง Shunde และ Shenzhen ประเทศจีน ซึ่งเป็นรูปแบบร้านสไตล์ใหม่ที่มีความเป็นโมเดิร์นมากกว่าในอดีต และเป็นสเกลร้านขนาดใหญ่ มีพื้นที่แสดงสินค้ากว้างขวาง และมุมรับรองแบบส่วนตัว


สโตร์ใหญ่แห่งแรกในไทย

    การเยี่ยมชมโรงงานในครั้งนี้ Chow Tai Fook นำทีมเยี่ยมชมโรงงานผลิตทองคำที่ทันสมัยในเมือง Shunde ที่ CTFJ Shunde Production Hub ซึ่งเป็นโรงงานสมัยใหม่ใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในการจำแนกและแพ็กกิ้งชิ้นงานเครื่องประดับทองคำและจิวเวลรี่ ที่จัดระบบโลจิสติกส์อัตโนมัติ จากโรงงานถึงร้านค้าทองคำทั่วประเทศ รวมถึงร้านค้าทองคำโมเดลใหม่แบบ Image Store ที่เมือง Shenzhen และฮ่องกง ซึ่งเป็นรูปแบบสโตร์ที่กำลังจะมาเปิดในกรุงเทพฯ โดยกำหนดจะเปิดซอฟท์ลอนซ์ราวๆ ช่วงต้นปี 2569


    รูปแบบ Image Store ของ Chow Tai Fook ยังคงใช้สีแดงเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยเฉดสีแดงที่สดใส สะท้อนคุณค่าทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ทรงคุณค่า และเป็นทรัพย์สินมูลค่าสูงที่สามารถลงทุนและสามารถทำกำไรได้จากมูลค่าเพิ่ม แต่การลงทุนทองคำส่วนใหญ่เป็นการลงทุนทองแท่ง หรือทองแผ่นตามน้ำหนักทองคำ ส่วนทองรูปพรรณมักเป็นการซื้อเพื่อสะสมมากกว่าจะเน้นเพื่อการลงทุน

    สำหรับ Chow Tai Fook เป็นร้านทองเก่าแก่ที่เตรียมฉลอง 100 ปีในปี 2029 เป็นกิจการร้านค้าและโรงงานผลิตทองคำรายใหญ่มีฐานการผลิตใหญ่ที่เมือง Shunde และมีร้านจำหน่ายทองแบบเทรดิชั่นนอล ที่ออกแบบตกแต่งในคอนเซ็ปท์โมเดิร์น เพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ หนุ่มสาวที่ซื้อทองคำและจิวเวลรี่ เป็นเครื่องประดับทรงคุณค่า ลวดลายและแบบที่นำเสนอจึงต่างไปจากแบบเครื่องประดับทองคำดั้งเดิม โดยได้รับการออกแบบให้มีเอกลักษณ์ที่เป็นการผสมผสาน ความเป็น Traditional Asset เข้ากับเครื่องประดับสมัยใหม่


    เครื่องประดับทองคำและงานจิวเวลรี่ของ Chow Tai Fook จึงมีความแตกต่าง และมีเอกลักษณ์ไม่ใช่เป็นแบรนด์โมเดิร์นอย่างเดียว แต่เป็นการผสมผสานฝีมือการผลิตดั้งเดิมจากงานช่างแกะสลักทองคำ ผลิตชิ้นงานที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ลวดลายพิเศษ เป็นคอลเลคชั่นต่างๆ ตามเทรนด์ของตลาด อ้างอิงความเป็นแฟชั่นมากขึ้น และบ่อยครั้งที่เป็นความร่วมมือระหว่าง Chow Tai Fook และแบรนด์ต่างๆ ผลิตชิ้นงานเป็นคอลเลคชั่นพิเศษออกมา ซึ่งมีสไตล์แตกต่างจากร้านทองแบบดั้งเดิมชัดเจน

    อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นชิ้นงานเครื่องประดับทองคำแนวโมเดิร์น แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งงานช่างฝีมือการแกะสลักทองคำ ที่ใช้ช่างทองจำนวนมากผลิตชิ้นงานทองคำ ในลวดลายที่ละเอียดอ่อน แบบช่างฝีมือโบราณ และมีคอลเลคชั่นสำคัญที่ได้แรงบันดาลใจจากพระราชวัง เข้ามาใช้ในการออกแบบ ดังนั้นในร้านของ Chow Tai Fook จึงมีทั้งชิ้นงานสมัยใหม่ และงานเครื่องประดับทองคำแบบคลาสสิก ที่เป็นการออกแบบร่วมสมัย เชื่อมโยงอดีตและปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกัน



    บรรยากาศร้าน Chow Tai Fook ที่เป็น Image Store จัดแต่งอย่างประณีต จัดแสงสวยงามสไตล์โมเดิร์น มีเคาน์เตอร์โชว์และจัดแสดงเครื่องประดับทองคำ ซึ่งตกแต่งแนวโมเดิร์นผสมผสานความคลาสสิก ด้วยเคาน์เตอร์กระจกที่สามารถเลือกชมสินค้าจากภายนอกได้ หรือจะขอทดลองสัมผัสสินค้าจริงก็สามารถทำได้อย่างสะดวก ภายใต้ลักษณะร้านที่ออกแบบให้โล่งสบายตา จัดทราฟฟิกส์ในร้านให้เดินได้สะดวกโดยรอบ


    นอกจากนี้ยังมีมุมที่แสดงเครื่องประดับชิ้นพิเศษ จัดไว้ด้านในเพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัสในบรรยากาศเป็นส่วนตัว ซึ่งทองคำของ Chow Tai Fook เป็นมาตรฐานทองคำสากล เนื้อทองคำ 99.99% ผลิตจากโรงงานมาตรฐานที่เมือง Shunde ส่งตรงมายังประเทศไทย

    Gabriela Ferreira ผู้จัดการทั่วไป สำนักงานต่างประเทศ Chow Tai Fook กล่าวว่า “ไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีศักยภาพ Chow Tai Fook จึงเข้ามาเป็นสโตร์ขนาดใหญ่อย่างเต็มรูปแบบที่เรียกว่า Image Store เช่นเดียวกับฮ่องกง และ Shenzhen”


กลยุทธ์เด่น “ราคาคงที่”

    เครื่องประดับทองคำและงานจิวเวลรี่ของ Chow Tai Fook มีการออกแบบที่แตกต่างจากร้านทองแบบดั้งเดิม เป็นคอลเลคชันตามเทรนด์ความนิยม และด้วยการออกแบบพิเศษ เครื่องประดับทองคำและจิวเวลรี่ของร้านจึงใช้นโยบายขายในราคาคงที่ ไม่ได้ขายตามน้ำหนักทองคำเหมือนร้านทองทั่วไป ทั้งนี้ เป็นนโยบายการขายที่เป็นกลยุทธ์เฉพาะตัว ทำให้เครื่องประดับทองคำมีความเป็นยูนีค ต่างไปจากการขายทองทำในแบบเทรดิชั่นนอล ที่เน้นลวดลายดั้งเดิม และขายราคาตามน้ำหนักทองคำ


    นโยบายการขายเครื่องประดับทองคำราคาคงที่เป็นสิ่งที่ Chow Tai Fook ทำมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2533 โดยเป็นแบรนด์แรกในอุตสาหกรรม ที่นำนโยบายราคาคงที่มาใช้ทำให้การต่อรองราคากลายเป็นเรื่องในอดีต ราคาที่แสดงบนป้ายราคาสินค้าคือราคาสุดท้ายที่ลูกค้าต้องจ่าย ซึ่ง Chow Tai Fook มั่นใจว่าเป็นนโยบายราคาที่ยุติธรรมและโปร่งใส นโยบายนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง กระทั่งเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจของผู้ค้าปลีกเครื่องประดับ และยังได้เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการบริโภคของลูกค้าในฮ่องกง สำหรับการซื้อสินค้าในตลาดระดับหรูหรา

    “คนรุ่นใหม่เริ่มหันมาสนใจเครื่องประดับทองคำ มีการเลือกซื้อในบางคอลเลคชั่นที่ชื่นชอบ ซึ่งบางครั้งเป็นชิ้นงานที่ร้านทำ collaboration กับแบรนด์สินค้าอื่น” โดยส่วนใหญ่เน้นทำกับแบรนด์สินค้าที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ ทำให้เครื่องประดับทองคำและจิวเวลรี่ของ Chow Tai Fook มีความพิเศษต่างจากร้านทองทั่วไป


    แนวคิดในการผลิต และการออกแบบของผู้นำร้านทองรายใหญ่ของจีน มีความต่างจากร้านค้าทองทั่วไปอย่างชัดเจน เพราะเป็นโรงงานที่ออกแบบและผลิตเอง เพื่อส่งจำหน่ายไปยังร้านทองต่างๆ ที่เป็นคู่ค้ากว่า 3,000 แห่ง และร้านของ Chow Tai Fook ที่มีอยู่ในหลายประเทศ

    สำหรับประเทศไทยร้านทองแบรนด์ดังนี้ เข้ามาเปิดตลาดตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน โดยเปิดเป็นเคาน์เตอร์ ในร้านค้าปลอดภาษีคิงเพาเวอร์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินภูเก็ต และคิงเพาเวอร์ศรีวารี ซึ่งลูกค้าเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวเป็นหลัก


    ผู้บริหาร Chow Tai Fook มองว่าประเทศไทยมีกำลังซื้อที่ดี และเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ จึงได้ลงทุนในการเปิด Image Store แห่งแรกในไทยขึ้น ในศูนย์การค้าใหญ่อย่างสยามพารากอน “เราเชื่อว่าลูกค้าชาวไทย และชาวไทยเชื้อสายจีนจะให้การตอบรับดี เพราะตลาดชาวจีนในไทยเป็นตลาดใหญ่และมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง” Gabriela ให้เหตุผลต่อการขยายตลาดมาไทยอย่างเต็มตัว



ภาพ: Chow Tai Fook



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เทรนด์ Digital Gold ตอบโจทย์นักลงทุนยุคใหม่! ปี 2024 ไทยมีความต้องการทองคำมากสุดอันดับ 7 ของโลก

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine