วิจัยกรุงศรี หั่น GDP ไทยปี 67 เหลือ 2.4% จาก 2.7% ผลส่งออกแย่ - งบประมาณล่าช้า - Forbes Thailand

วิจัยกรุงศรี หั่น GDP ไทยปี 67 เหลือ 2.4% จาก 2.7% ผลส่งออกแย่ - งบประมาณล่าช้า

วิจัยกรุงศรีหั่น GDP ไทยปี 67 เหลือ 2.4% จาก 2.7% ผลส่งออกไทยแย่ลง งบประมาณล่าช้า หวังภาพรวมภาคท่องเที่ยวทั้งปียังบวก คาดแบงก์ชาติคงดอกเบี้ย 2.5% ทั้งปี


     วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ล่าสุดได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของ GDP ไทย ปี 2567 เหลือ 2.4% (จากเดิมที่ระดับ 2.7%) สาเหตุสำคัญมาจาก 3 ปัจจัย

     1) การส่งออกที่อ่อนแอและมีแนวโน้มเติบต่ำเพียง 1.8% (จากเดิมคาด +2.5%) ผลจากปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิต ซึ่งทำให้การส่งออกกระจุกตัวในสินค้าประเภทที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง โดยจากการศึกษาของวิจัยกรุงศรีพบว่าประสิทธิภาพของแรงงาน (Labor productivity) หลังจากเกิด COVID-19 ลดลงถึง -1.6% ต่อปี (CAGR) และลดลงชัดเจนในหลายภาคอุตสาหกรรม แตกต่างจากช่วงก่อนเกิด COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นราว 4.2% ต่อปี นอกจากนี้ ภาคส่งออกยังเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจทวีความรุนแรงในอนาคต 

     2) การอนุมัติ พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้ากว่าคาด ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐในปีนี้มีแนวโน้มหดตัว -1.1% (จากเดิมคาด +2.4%) 

     3) การลงทุนภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากความอ่อนแอของภาคส่งออกและและความล่าช้าของการลงทุนภาครัฐ แต่เศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงหนุนบ้างจากภาคบริการที่เติบโตดีหนุนให้การลงทุนภาคเอกชนในปีนี้เติบโตที่ 3.0% (เดิมคาด 3.3%) 

     ทั้งนี้ แม้ในไตรมาส 1 ปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะรอดพ้นภาวะถดถอยทางเทคนิค โดย GDP ไตรมาสแรกของปีขยายตัวดีกว่าคาดที่ 1.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และยังขยายตัว 1.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีแรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนและรายได้จากการท่องเที่ยว แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมยังคงอ่อนแอและไม่กระจายตัวในวงกว้าง สะท้อนจากการหดตัวในองค์ประกอบหลัก เช่น การส่งออกสินค้า การบริโภคสินค้าคงทน การลงทุนภาครัฐ และการบริโภคของภาครัฐ

     ทั้งหมดนี้ส่งผลให้วิจัยกรุงศรี ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 2567 นี้ลง ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ตามปัจจัยเชิงวัฏจักร ได้แก่

     1) การใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทมากขึ้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่กลางไตรมาส 2 ของปี 

      2) ภาคท่องเที่ยวจะยังเป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งได้แรงหนุนจากมาตรการวีซ่าฟรีที่ขยายเพิ่มเป็น 93 ประเทศ โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 จะอยู่ที่ 35.6 ล้านคน หรือคิดเป็น 89% ของช่วงที่เกิด COVID-19  

      3) การบริโภคภาคเอกชน แม้ปรับเพิ่มคาดการณ์เป็นขยายตัวที่ 3.4% (เดิมคาด 3.1%) โดยเป็นผลจากการเติบโตในช่วงไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งถึง 6.9% จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายต่างๆ อาทิ โครงการ Easy E-Receipt 

     อย่างไรก็ตาม การบริโภคมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวหลังสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นในช่วงที่เหลือของปี อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและปัญหาภัยแล้งที่กระทบต่อรายได้ภาคเกษตร

     ส่วนมุมมองด้านดอกเบี้ยนโยบายของไทย หลายปัจจัยบ่งชี้ว่าโอกาสปรับลดดอกเบี้ยมีน้อยลงอย่างชัดเจน เนื่องจากตัวเลข GDP ไตรมาสแรกของปีนี้ใกล้เคียงกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประมาณการไว้ และการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปน่าจะทยอยปรับดีขึ้นสอดคล้องกับการประเมินของ ธปท. และหลักการดำเนินนโยบายการเงินที่อาศัยการคาดการณ์เศรษฐกิจเป็นเครื่องชี้นำ

     นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทยอยปรับเพิ่มขึ้นสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ตั้งแต่ในช่วงกลางปี 2567 และที่สำคัญ ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ตลอดจนสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ของรัฐหลายแห่งได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ซึ่งช่วยลดความจำเป็นสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวงกว้าง ดังนั้น วิจัยกรุงศรีจึงคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ในช่วงที่เหลือของปีนี้



Photo by Norbert Braun on Unsplash



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : สภาพัฒน์ชี้สังคมไทยเครียดสะสม ทุกช่วงอายุเจอปัญหา Mental Health ปี 66 ผู้ป่วยจิตเวชพุ่ง 2.9 ล้านคน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine