ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไฟเขียวมาตรการ Circuit Breaker ประกาศใช้ถาวร พร้อมปรับปรุงหลักเกณฑ์จาก 2 ระดับเป็น 3 ระดับ โดยหยุดซื้อขายครึ่งชั่วโมงทันทีที่ติดลบ 8% หวังลดความผันผวนกระดานหุ้นและผลกระทบจากโควิด -19
หลังจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ลองชิมลางประกาศหยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ (Circuit Breaker) ชั่วคราวในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถช่วยลดความผันผวนของตลาดและภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผิดไปจากสภาพปกติอันเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการออกเกณฑ์เกี่ยวกับมาตรการดำเนินการเมื่อมีเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ (Market Disruption) และการปรับปรุงเกณฑ์Circuit Breaker เพิ่มโอกาสแก่ผู้ลงทุนให้มีเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารสำหรับใช้ในการประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น โดยได้รับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง และผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 เมษายน 2563 เป็นต้นไป สำหรับการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับมาตรการดำเนินการเมื่อมีเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ (Market Disruption) ได้ให้อำนาจคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถตัดสินใจดำเนินมาตรการชั่วคราว เพื่อแก้ไขหรือบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์ดังกล่าว และสามารถพิจารณากำหนดระยะเวลาบังคับใช้มาตรการชั่วคราวนั้นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ส่วนเหตุการณ์ที่เข้าข่าย Market Disruption ซึ่งเป็นเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่อาจจะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ เหตุสุดวิสัยที่มีผลกระทบต่อการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือการดำเนินงานตามปกติของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของของตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่น ภัยธรรมชาติ หรือวินาศภัย และการหยุดการซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะCircuit Breaker แลัวแต่สภาพตลาดหลังจากนั้นยังคงผันผวนอยู่ รวมถึงการดำเนินการใด ๆ ของภาครัฐหรือองค์กรต่าง ๆ ซึ่งมีกฎหมายกำหนดให้ใช้อำนาจทางปกครองที่อาจมีผลกระทบต่อการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวม หรือการดำเนินงานตามปกติของตลาดหลักทรัพย์ฯเงื่อนไขทั้ง 3 ระดับ

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine