บสย. สร้างสถิติอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ ม.ค. – 15 ต.ค. 2564 ยอดค้ำทะลุ 2 แสนล้านบาท รักษาการจ้างงานและสร้างแรงงานใหม่กว่า 2 ล้านราย มั่นใจ พ.ร.ก.สินเชื่อฟื้นฟู เฟส 2 กระตุ้นเศรษฐกิจโค้งสุดท้าย เติมทุน SMEs ไมโคร – เปราะบาง Restart กิจการ
วสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ รักษาการผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานค้ำประกันสินเชื่อ ระหว่าง วันที่ 1 มกราคม ถึง 15 ตุลาคม 2564 ได้อนุมัติค้ำประกันสินเชื่อทุกโครงการ รวมวงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท และอนุมัติหนังสือค้ำประกันสินเชื่อ ( LG) จำนวน 187,446 ฉบับ สร้างสถิติค้ำประกันสินเชื่อสูงสุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ก่อตั้ง บสย. รอบ 30 ปี ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบ 215,237 ล้านบาท คิดเป็น 1.07 เท่า สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ 4.13 เท่าของวงเงินค้ำประกัน คิดเป็นมูลค่า 833,333 ล้านบาท ก่อเกิดการจ้างงาน จำนวน 2,050,661 ราย แบ่งเป็น การรักษาการจ้างงาน จำนวน 1,667,657 ราย และการจ้างงานใหม่ จำนวน 383,004 ราย โดยมีภาระค้ำประกันสินเชื่อ (Outstanding) ณ ไตรมาส 3/2564 จำนวน 604,076 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13 ของยอดคงค้างสินเชื่อ SMEs ในระบบ คิดเป็นร้อยละ 10 ของ มูลค่า GDP SMEs โครงการค้ำประกันสินเชื่อที่ บสย. อนุมัติวงเงินค้ำ ได้แก่ 1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ ภายใต้ พ.ร.ก.สินเชื่อฟื้นฟู เฟส 1-2 วงเงิน 103,500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 52% และ LG จำนวน 33,803 ฉบับ 2.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs สร้างชาติ (PGS 9) วงเงิน 71,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35 และ LG จำนวน 16,878 ฉบับ 3.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Micro 4 วงเงิน 15,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7 และ LG จำนวน 130,699 ฉบับ 4.โครงการค้ำประกันสินเชื่ออื่นๆ วงเงิน 11,100 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6% และ LG จำนวน 6,066 ฉบับ บสย. เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้ร่วมงานในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู เฟส 1-2 ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และ บสย. เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจ 3 กลุ่มได้แก่ 1. ผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร (Micro) 2.ผู้ประกอบการ SMEs 3. กลุ่ม คอร์ปอเรท (Corporate) มีวงเงินรวมทั้งโครงการ 250,000 ล้านบาท เฟส 1 วงเงิน 100,000 ล้านบาท ค้ำประกันเต็มจำนวนแล้ว และได้เปิดเฟส 2 วงเงิน 100,000 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา และจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 9 ตุลาคม 2566
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine