ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลท. สรุปภาวะตลาดเดือนเมษายน 64 เติบโตดีกว่าภูมิภาค ปริมาณซื้อขายต่อวันเฉียดแสนล้าน ชี้จับตาหุ้นกลุ่มส่งออก กลุ่มเกษตร อุตสาหกรรม อิเลคทรอนิกส์ รับอานิสสงส์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว แนะนักลงทุนหาข้อมูลช่วงภาวะตลาดผันผวน เชื่อหลังรัฐบาลฉีดวัคซีนตามแผน เศรษฐกิจไทยฟื้น เงินทุนไหลเข้า
ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนเมษายน 2564 SET Index ปิดที่ 1,583.13 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 จากจากสิ้นปี 2563 ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ จากการฟื้นตัวของภาคการส่งออกและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่ทยอยประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาด “เมื่อเทียบกับภูมิภาคตลาดหุ้นไทยในเดือนเมษายนมีผลประกอบการที่สูงกว่าการเติบโตเฉลี่ยของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 0.3” ดร.ศรพลระบุ สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับอานิสสงส์จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจโลกเติบโตเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 5.5 เป็นร้อยละ 6 ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 93,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.0 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 4 เดือนแรกปี 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 96,115 ล้านบาท ในเดือนเมษายน 2564 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 1 บริษัท และใน mai 2 บริษัท โดยใน 4 เดือนแรกปี 2564 SET มีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจากการเข้าจดทะเบียนของบมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ดร.ศรพล กล่าวว่า ในเดือนนี้ผู้ลงทุนในประเทศยังคงมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ร้อยละ 51.6 ของมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาด โดยผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยในเดือนเมษายน 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,446 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วง 4 เดือนแรกปี 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 32,816 ล้านบาท บัญชีรายย่อยพุ่ง ดร.ภากร ปีตธวัชชัย ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จำนวนบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศเพิ่มสูงขึ้นมาก ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีการเปิดบัญชีใหม่จำนวน 8 แสนบัญชี สูงเป็นประวัติการณ์ จากปกติอยู่ที่ 3 แสนบัญชีต่อปี ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีการเปิดบัญชีใหม่แล้วราว 7 แสนบัญชี สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนที่มีต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาเทคโนโลยี และการกระจายหุ้น โดยเฉพาะนโยบายการกระจายหุ้นให้นักลงทุนรายย่อยของ OR อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้สถานการณ์การลงทุนโดยรวมยังคงมีความผันผวน ทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ จึงอยากให้นักลงทุนติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด และเลือกพิจารณาลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีการฟื้นตัว เช่น กลุ่มที่เกี่ยวกับการส่งออก อิเลกทรอนิกส์ ยานยนต์ ซึ่งจะแตกต่างจากปีที่แล้วที่มีการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี “ช่วงนี้ตลาดยังมีความผันผวนมาก ต้องคอยติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด เพราะมีข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกได้มาก นักลงทุนต้องระมัดระวัง และเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีการฟื้นตัว อ่านบทวิเคราะห์อย่างจริงจัง เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุน แม้จะมีการเทขายบ้าง แต่เงินทุนไหลกลับมาได้อย่างรวดเร็ว” ดร.ภากรกล่าว นอกจากนี้ แม้จะมีนักวิเคราะห์หลายสำนักได้ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยลง แต่ ดร.ภากร ยังเชื่อมั่นว่า หากแผนการฉีดและกระจายวัคซีนเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วในเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนนี้ เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการไหลเข้าของเงินลงทุนจากต่างประเทศ เพราะจากข้อมูลบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ร้อยละ 40 เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก อิเลกทรอนิกส์ และยานยนต์ ซึ่งทยอยฟื้นตัวจากเศรษฐกิจโลก อ่านเพิ่มเติม: โควิดระลอก 3 กระทบหนัก กนง. คงดอกเบี้ย หนุนเร่งกระจายวัคซีนไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine