ซีไอเอส เผย ราคาทองคำ ยังมีปัจจัยพื้นฐานหนุนราคาขึ้นต่อได้ในระยะยาว โดยมีเป้าหมายทางเทคนิคที่ระดับ 2,100 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ระยะสั้นระวังการเทขายเนื่องจากเข้าเขตซื้อมากเกินไป คาดราคาหลังจากนี้จะมีความผันผวนมากขึ้น
ณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุน ผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า ราคาทองคำ ยังคงเดินหน้าสร้างจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ยืนเหนือ 1,920 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมในปี 2012 หากยังสามารถยืนอยู่เหนือระดับดังกล่าวได้ต่อเนื่อง มุมมองเชิงเทคนิค มีโอกาสที่ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,100 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ระยะสั้นอาจมีการเทขายทำกำไรจากการที่เริ่มเข้าเขตซื้อมากเกินไป (Overbought) โดยมีแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งน่าจะเป็นระดับที่มีนักลงทุนรอขายเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันค่า RSI ได้วิ่งขึ้นมาแตะระดับ 90 แล้ว อย่างไรก็ตามในระยะยาวยังมีปัจจัยพื้นฐานที่สามารถหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยสภาครองเกรสได้อนุมัติแผนเยียวยาเศรษฐกิจ มูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงที่สุดในประวัติศาสตร์มากกว่าเม็ดเงินช่วยเหลือสถาบันการเงินจากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2008 และปี 2009 อย่างไรก็ตามหนี้ที่เกิดขึ้นกว่า 23.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ยังไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะจ่ายได้ “แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ FED เพราะสามารถลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0% และเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเสริมสภาพคล่องอย่างไม่จำกัด ด้วยการพิมพ์เงินกว่า 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน เข้ามาซื้อหนี้ก้อนนี้ได้ อีกทั้ง ไม่เฉพาะสหรัฐอเมริกาที่ต้องปั้มเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ รัฐบาลทั่วโลกต่างอัดฉีดเงินนับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าไปพยุงเศรษฐกิจที่ชะงักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กล่าวได้ว่าแต่ละรัฐบาลลดมูลค่าสกุลเงินของตัวเองลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ”
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine