จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ เผยความสำเร็จ KPB ปี60 ตั้งเป้าปี 61 ขยายการลงทุน 2 หมื่นล้านบาท
ธุรกิจบริการไพรเวทแบงค์ ธนาคารกสิกรไทย เผยตัวเลขความสำเร็จปี 2560 ให้บริการลูกค้ามากกว่า 10,500 ราย สินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ทั้งหมดราว 7.5 แสนล้านบาท เดินหน้าเติมเต็มบริการให้ครอบคลุมความต้องการทุกด้านผนึกกำลังพันธมิตรระดับโลก Lombard Odier ตั้งเป้าปี 2561 ขยายผลิตภัณฑ์การลงทุนเพิ่ม 2 หมื่นล้านบาท
จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจบริการไพรเวทแบงค์ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงภาพรวมความสำเร็จปี 2560 ว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราจะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของจำนวนลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงในประเทศไทย (กลุ่มลูกค้าที่มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมากกว่า 50 ล้านบาท) โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนลูกค้ากลุ่มนี้ประมาณ 30,800 ราย ในสิ้นปี 2561 (เติบโตขึ้นราว 1% จากปี 2560) สำหรับธนาคารกสิกรไทย เมื่อปลายปี 2559 เราให้บริการกลุ่มลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงอยู่ประมาณ 9,800 คน โดยคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนลูกค้า 10,500 ราย คิดเป็นสัดส่วนตลาดประมาณ 34% ภายในสิ้นปี 2560 โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมดประมาณ 7.5 แสนล้านบาท”
สำหรับปี 2560 ธุรกิจบริการไพรเวทแบงก์ ธนาคารกสิกรไทย นำเสนอนวัตกรรมการลงทุน อาทิ K-Alpha 2.0 หรือคำแนะนำการลงทุน ด้วยหลักการ ด้วยการกระจายความเสี่ยงเน้นการลงทุนระยะยาว และ การนำเงินเข้าลงทุนตลอดเวลา, การเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ลงทุนผ่านทาง Open Architecture Platform (OA) การเพิ่มบริการที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพย์สินครอบครัว (Family Wealth Planning Service) และบริการที่ปรึกษาด้านการบริหารสินทรัพย์นอกตลาดทุน (Non-capital Market Investment)
“บริการที่ธนาคารได้นำเสนอให้ลูกค้า ทั้งเรื่องการลงทุนหรือการให้คำปรึกษาในด้านอื่นๆ ล้วนสะท้อนมาจากความต้องการของลูกค้าที่สอดคล้องกันทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไม่มีเวลาจัดการสินทรัพย์ในองค์รวมเนื่องจากมีภาระมาก ความต้องการที่จะรักษาไว้ และทำให้ทรัพย์สินงอกเงย การจัดการเรื่องลูกหลานในการส่งต่อทรัพย์สินต่าง ๆ ดังนั้นธนาคารจึงต้องพัฒนาตลอดเวลา เพื่อส่งมอบบริการที่เติมเต็มทั้งในด้านคุณภาพของบริการ ความหลากหลายของบริการ จำนวนผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเข้าแบ่งเบาภาระทางการเงินและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกค้า” จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ กล่าว
สำหรับการคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจในปีนี้ จิรวัฒน์เผยว่า GDP โลกจะขยายตัวต่อเนื่องที่ระดับ 3.6% จาก 3.5% ในปี 2560 อัตราเงินเฟ้อจะทรงตัวในระดับที่ไม่น่ากังวล ความเสี่ยงที่สำคัญในปีหน้า จะมาจากการเลือกตั้งในอิตาลี และบางรัฐในสหรัฐฯ ปัญหาเกาหลีเหนือ เยรูซาเลม และการตรวจสอบการเลือกตั้งของสหรัฐฯเอง สำหรับประเทศกำลังพัฒนา คาดว่า GDP จะเติบโต 4.9% นำโดยจีนที่น่าจะขยายตัวได้ราว 6.5% ชะลอตัวลงจากนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้น อินเดียที่เติบโตราว 7.4% เติบโตสูงขึ้น หลังชะลอตัวจากการยกเลิกธนบัตร และการปฏิรูปภาษีที่กระทบเศรษฐกิจชั่วคราว
“แนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ มีสัดส่วนการลงทุนทั้งในจีนและอินเดียเพื่อการกระจายความเสี่ยง สำหรับเศรษฐกิจไทยยังมองว่าสดใสเติบโตต่อเนื่อง 3.4-4% ซึ่งปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับการลงทุนและส่งให้ธุรกิจบริการไพรเวทแบงค์ ธนาคารกสิกรไทยเติบโตต่อเนื่อง” จิรวัฒน์ กล่าวปิดท้าย