'เควิน จาง' อินทีลัค กวาดระดมทุนกว่าพันล้าน พร้อมขยายธุรกิจโลจิสติกส์อาเซียน - Forbes Thailand

'เควิน จาง' อินทีลัค กวาดระดมทุนกว่าพันล้าน พร้อมขยายธุรกิจโลจิสติกส์อาเซียน

อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทอินทีลัค (Inteluck) ผู้ให้บริการโซลูชันซัพพลายเชนที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ที่มี 'เควิน จาง' (Kevin Zhang) นักธุรกิจผู้ติดโผการจัดอันดับฟอร์บส์ 30 อันเดอร์ 30 (Forbes 30 Under 30) กวาดระดมทุนซีรีส์ซีได้กว่า 1,000 ล้านบาท (34 ล้านเหรียญฯ)


    อินทีลัค (Inteluck) เป็นสตาร์ทอัพผู้ให้บริการโซลูชันซัพพลายเชนที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2557 โดย Kevin Zhang นักธุรกิจผู้ติดโผการจัดอันดับฟอร์บส์ 30 อันเดอร์ 30 (Forbes 30 Under 30) และได้สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการ (B2B) เพื่อให้บริการงานซัพพลายเชนที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแก่ผู้ประกอบการต่าง ๆ ครอบคลุมตั้งแต่การขนส่งด้วยรถบรรทุกแบบเหมาคัน การจัดการคลังสินค้า บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การจัดจำหน่าย และโซลูชันซัพพลายเชนตามความต้องการเฉพาะของลูกค้า


    Inteluck มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ พร้อมทั้งขยายธุรกิจในฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม โดยล่าสุดประสบความสำเร็จในการระดมทุนรอบซีรีส์ซี (Series C) คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยบริษัท นาเวการ์ (Navegar) บริษัทเอกชนนอกตลาดที่ให้ความสำคัญกับกิจการในฟิลิปปินส์ รวมถึงผู้ลงทุนรายเดิมอย่างอีสต์ เวนเจอร์ส (East Ventures)  จากการสนับสนุนทางการเงินล่าสุด ทำให้ Inteluck เตรียมขยายการดำเนินงานในระดับภูมิภาค ตอกย้ำตำแหน่งในตลาด และเสริมสร้างศักยภาพต่อไป

    Zhang กำลังเร่งแผนรขยายธุรกิจทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนำประสบการณ์มากมาย ในด้านห่วงโซ่อุปทานโลจิสติกส์ เทคโนโลยีไอโอที และการประกอบกิจการระหว่างผู้ประกอบการ (B2B) ข้ามประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อปีที่แล้วและมีแผนจะเปิดตัวในเวียดนามและอินโดนีเซียในปี พ.ศ. 2566 ปัจจุบันบริษัทได้ให้บริการซัพพลายเชนแก่กิจการที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศกว่า 300 แห่งจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารโทรคมนาคม สินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคทั่วไป การผลิต อีคอมเมิร์ซ และการจัดส่งแบบด่วนพิเศษ และผู้ให้บริการโลจิสติกส์บุคคลที่สามที่ลงทะเบียนบนแพลตฟอร์มดิจิทัลของ Inteluck 

    Inteluck มีบริการหลักประกอบไปด้วยโซลูชันซัพพลายเชนแบบครบวงจร ช่วยให้ลูกค้าธุรกิจสามารถเข้าถึงรถบรรทุกขนส่งกว่า 14,000 คันที่พร้อมให้บริการผ่านการจองเข้ารับบริการตามต้องการ แพลตฟอร์มของ Inteluck ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขยายพื้นที่ดำเนินกิจการได้อย่างง่ายได้ทั่วทั้งซัพพลายเชน ตลอดจนควบคุมดูแลการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์ และขยายขนาดการดำเนินงานได้อย่างยืดหยุ่นในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง ในอีกด้านหนึ่ง Inteluck ได้เข้ามาเสริมศักยภาพขั้นพื้นฐานในส่วนสำคัญให้กับอุตสาหกรรมรถบรรทุกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังคงขาดโอกาส ได้แก่ คนขับรถบรรทุกขนาดเล็กถึงขนาดกลาง



    “เมื่อดึงกลุ่มคนขับรถบรรทุกดังกล่าวเข้าสู่แพลตฟอร์มได้แล้วนั้น ไม่เพียงแต่ความต้องการการขนส่งจากผู้ผลิตไปยังศูนย์กระจายสินค้า (First Mile) และจากศูนย์กระจายสินค้าไปยังผู้ค้าปลีก (Mid Mile) จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์จากยานพาหนะและอำนวยความสะดวกในการชำระเงินให้รวดเร็วยิ่งขึ้น” Zhang กล่าว

    Zhang บอกเสริมด้วยว่า ภาคโลจิสติกส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดการณ์ว่ามีมูลค่าถึง 3 แสนล้านดอลลาร์นั้นกำลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยตลาดเกิดใหม่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และปัจจุบันไม่ได้มีเพียงเรื่องของการขนส่งเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญในเรื่องของต้นทุน คุณภาพการบริการ และชื่อเสียงของซัพพลายเออร์ด้วย ซึ่ง Inteluck คือผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยอาศัยประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาโลจิสติกส์สำหรับผู้ประกอบการให้มีความทันสมัย ทั้งในด้านของอุปสงค์และอุปทาน

    "ในด้านของอุปสงค์นั้น ผู้ประกอบการจะสามารถเข้าถึงรถบรรทุกได้มากขึ้นผ่านแพลตฟอร์มเดียว พร้อมด้วยข้อได้เปรียบอื่น ๆ เช่น การจัดส่งที่เร็วขึ้น การทำเวลาส่งมอบได้ดีขึ้น รวมถึงราคาที่สามารถแข่งขันได้ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถปรับปรุงการดำเนินงานและประหยัดต้นทุนลงไปได้มาก ขณะเดียวกัน ในด้านอุปทาน เรายังมีเครือข่ายคนขับรถบรรทุกที่มีประสบการณ์ ทำให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นและสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้น สร้างระบบนิเวศที่ก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันสำหรับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย" Zhang กล่าว

    สำหรับ ผู้ร่วมลงทุน นาเวการ์ (Navegar) เป็นบริษัทเอกชนนอกตลาดจากมะนิลา ที่ให้การสนับสนุนเงินทุนและความเชี่ยวชาญแก่บริษัทที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในฟิลิปปินส์ นาเวการ์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2556 ปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทหลายแห่ง เช่น ทาสก์อัส (TaskUs) (NASDAQ: TASK) อินเทลลิแคร์ (Intellicare) เดอะ บิสโทร กรุ๊ป (The Bistro Group) เป็นต้น

    ขณะที่ อีสต์ เวนเจอร์ส (East Ventures) คือบริษัทร่วมลงทุนชั้นนำและเป็นแห่งแรก ๆ ที่ประกอบกิจการร่วมลงทุนโดยไม่เน้นเจาะจงหมวดอุตสาหกรรม อีสต์ เวนเจอร์ส ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 ก่อนจะพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่เข้าลงทุนในขั้นต่าง ๆ ให้แก่บริษัทเทคโนโลยีกว่า 300 แห่งทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ขั้นซีด (Seed) ไปจนถึงขั้นโกรท (Growth)



อ่านเพิ่มเติม : SAFE เคาะราคา IPO เปิดจองซื้อ 21 บาทต่อหุ้น ระหว่าง 25-27 ต.ค. นี้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine