ธนาคารกรุงเทพเปิดผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9%YoY แม้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มขึ้น แต่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยติดลบ 19.1% ขณะเดียวกันมีการตั้งสำรองต่อที่ 8,582 ล้านบาท รับมือความเสี่ยงที่ยังสูง
ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 อยู่ที่ 10,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 11.1% โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 3.06% แต่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิหดตัวที่ 19.1% ซึ่งลดลงจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ตามสภาวะตลาด
สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดและค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนา และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณาตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 8,582 ล้านบาท ภายใต้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ 291.7%
สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.0%
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกรุงเทพยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2567 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% จากสิ้นปีก่อน จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศ
ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2567 จำนวน 3.1 ล้านล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับสิ้นปีก่อน มีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 85.6 %
ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 19.7% 16.3% และ 15.6% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เอาใจลูกค้าสายมู! ทรูเปิดตัว “เบอร์มงคลยกบริษัท” สำหรับลูกค้าองค์กร เป็นครั้งแรกในไทย คัดสรรตัวเลขโดย อ.ช้าง ทศพร
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine