"ภักดี เหล่างาม" แห่ง MCA ผู้กล้าการันตียอดขายในภาวะวิกฤติ - Forbes Thailand

"ภักดี เหล่างาม" แห่ง MCA ผู้กล้าการันตียอดขายในภาวะวิกฤติ

"ภักดี เหล่างาม" แห่ง MCA ผู้กล้าการันตียอดขายในภาวะวิกฤติ ด้วยการวางเป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี หลังเข้าระดมทุนเปิดให้จองซื้อหุ้น IPO เมื่อวันที่ 16-18 ต.ค. ที่ผ่านมา 


    "ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี แล้วเราทำธุรกิจที่ช่วยให้เขาของได้ ธุรกิจเราก็ต้องดีใช่ไหม” ภักดี เหล่างาม ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท บริษัท มาร์เก็ต คอนเน็คชั่นส์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ MCA กล่าวถึงแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของ MCA ซึ่งตลอด 12 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าผ่านมากี่วิกฤต MCA ก็สามารถเติบโตได้ และกำลังก้าวสู่ New S-Curve ใหม่ที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

    ภักดี เหล่างาม เป็นนักการตลาดที่ที่เรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์ ทั้งระดับปริญญาตรี โท และกำลังทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์การเงิน เขาจึงเป็นนักการตลาดที่แม่นยำในเรื่องตัวเลข ที่สำคัญทำให้เขานึกถึงผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของลูกค้าเป็นหลักอยู่เสมอ และยึดเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท มาร์เก็ต คอนเน็คชั่นส์ เอเชีย หรือ MCA ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา    

    เขาเข้าสู่วงการการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดครั้งแรก กับงานมหกรรมสู้แล้วรวย สมัยที่ทำงานกับบริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด หลังจากนั้นเขาก็เดินทางสายนี้มาตลอด ก่อนที่จะออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง ในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา และภาวะเศรษฐกิจไม่ดี เจ้าของสินค้าหันมาใช้บริษัท Outsource ในการจัดกิจกรรมการตลาด และที่เขาตัดสินใจ ก็เพราะว่าลูกค้าเป็นคนแนะนำ

    “ปัจจุบัน เรามีสินค้าท็อปแบรนด์ในกลุ่มสินค้า-อุปโภค มากกว่า 100 แบรนด์ บางแบรนด์อยู่กับเรามาตั้งแต่วันแรก และขยายเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ แบบปากต่อปาก งานยากแค่ไหนเรารับหมด เปิดบิลตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป” ภักดี เล่าพร้อมหัวเราะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง เพราะในช่วงที่ยากลำบากอย่างวิกฤตโควิดที่ผ่านมากิจกรรมทุกอย่างหยุดหมด แต่ทำอย่างไรให้พนักงานของเราอยู่ได้



ช่วงโควิดเติบโตสูง

    ปัจจุบัน MCA มีพนักงานหมุนเวียนอยู่ประมาณ 400-500 คน และมี Outsource ในระบบอีกประมาณ 1,500 คน รายได้ของบริษัทแบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ 1. บริการจัดกิจกรรมการตลาดและดิจิทัล 2. บริการบรรจุและจัดส่งสินค้า 3. บริษัทพนักงานแนะนำสินค้า (PC) 4. บริการจัดเรียงสินค้า และ 5. รายได้อื่น ๆ 

    ภักดี กล่าวว่า เดิมรายได้หลักของบริษัทจะมาจากบริการจัดกิจกรรมการตลาดและดิจิทัล ที่ให้บริการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พอเจอโควิดทุกอย่างหยุดหมด แต่กลุ่มที่เติบโตสูง คือบริการจัดเรียงสินค้า ซึ่งจากปี 2562 – 65 ธุรกิจนี้เติบโตขึ้น 5 เท่า จากรายได้ประมาณ 28 ล้านบาท เป็น 140 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันเรามีพนักงานคอยให้บริการทั้งในร้านค้าดั้งเดิม (Traditional Trade) กว่า 300 ร้านค้า ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Moderm Trade) 700 แห่ง ร้านสะดวกซื้ออีกกว่า 9,000 แห่ง ร้านแบบ Boots วัตสัน อีกกว่า 500 สาขา

    “เทรนด์ธุรกิจบริการจัดเรียงสินค้าแบบใช้ร่วมกัน หรือ Shared Merchandiser มีแนวโน้มเติบโตสูง และมีจำนวนผู้ให้บริการไม่มาก ปัจจุบันให้บริการสินค้ากว่า 47 แบรนด์ และมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปเป็นผู้จัดจำหน่าย (Distributor) โดยได้ทดลองแล้ว 1 โครงการ และเงินที่ได้จากการระดมทุนจะลงทุนเพิ่มในธุรกิจใหม่นี้” ภักดีกล่าว

    ทั้งนี้ MCA ได้เปิดจองซื้อหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 16-18 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ระดับราคา 3.30 บาทต่อหุ้น และได้รับการตอบรับจากนักลงทุนและปิดจองไปแล้ว 60 ล้านหุ้น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ โดยเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จำนวน 198 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และรองรับการลงทุนในธุรกิจใหม่ ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor) ซึ่งมองว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ MCA ในอนาคต และต่อยอดกับทั้ง 4 กลุ่มการให้บริการอยู่


การันตียอดขายคือหัวใจสำคัญ

    ภักดี กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และไว้วางใจในบริการของเราอย่างต่อเนื่อง เพราะเราการันตียอดขายให้กับลูกค้า ซึ่งในช่วงภาวะเศรษฐกิจไม่ดี การที่จะทำให้ลูกค้าลงทุน ต้องสร้างความมั่นใจให้เขาได้ว่าจะได้ผลตอบแทนกลับคืนมา และด้วยประสบการณ์ของเราที่ทำงานในด้านนี้มาตลอด รู้จักคู่ค้า และลูกค้าของเราเป็นอย่างดี เราจึงกล้าการันตี และที่สำคัญต้องทำให้ได้

“ช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี บริษัทต่าง ๆ ก็ต้องการคนช่วยขายสินค้า ดังนั้นถ้าเราช่วยลูกค้าขายของได้ ธุรกิจเราก็จะดีไปด้วย และวงการนี้หยุดไม่ได้ โดยเฉพาะการขายสินค้าอุปโภค-บริโภค ต้องปรับเปลี่ยนเร็ว บริการของเราเป็นการช่วยทั้งร้านค้า และเจ้าของสินค้าให้ขายของได้ วิน-วินทั้งคู่ โดยใช้พนักงานมืออาชีพ”

    ภักดี กล่าวว่า ที่สามารถกล้าการันตี ด้วยประสบการณ์ที่อยู่ในวงการนี้มาตลอด รู้จักสินค้าและคู่ค้าเป็นอย่างดี ทุกห้าง ทุกร้านค้าในประเทศไทย ได้เดินทางไปมาแล้วทุกจังหวัด พนักงานของเรามีการฝึกอบรมให้ช่วยลูกค้าขายของ ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่วางแผนสินค้า จัดเรียง ดูแลสต็อก ซึ่งบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยทำให้ลูกค้ามีโอกาสปิดการขายได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้เรามีการรายงาน (Report) เป็นฐานข้อมูลที่สำคัญที่ช่วยทำให้ลูกค้ามั่นใจมากขึ้น

    “ผมเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็ คือ ความเชื่อใจ วัดผลได้ และความเป็นมืออาชีพ ที่เรานำเสนอให้ลูกค้า ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา เรามีอัตราการใช้ซ้ำสูงถึง 70% และมีการบอกต่อ นอกจากนี้เราพยายามใช้เทคโนโลยีเครื่องมือสมัยใหม่ที่ช่วยแสดงผลลัพท์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ด้วยระบบที่ดี ทีมงานที่ดี และผลตอบแทนที่คุ้มค่า เป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้ลูกค้า และกลับมาใช้บริการซ้ำ” ภักดีกล่าว

    ปัจจุบัน เทรนด์ Outsource ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวงการการตลาด ซึ่งเป็นวงการหนึ่งที่มีเทิร์น โอเวอร์สูง ดังนั้น MCA จึงเข้ามาเป็นคำตอบให้กับเจ้าของธุรกิจ ในการช่วยขายสินค้า และได้ผลตอบรับเป็นยอดขาย ก่อนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ภักดี มองว่าธุรกิจของ MCA จะมีรายได้ถึง 1,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี หลังเข้าระดมทุน ซึ่งถ้าดูจากแนวโน้มการเติบโต เป้าหมายนี้คงไม่ไกลเกินเอื้อม



อ่านเพิ่มเติม : งาน COSMEX 2023 ระหว่าง 7-9 พ.ย.นี้ คาดผู้เข้าชมงาน 25,000 ราย หลังธุรกิจความงามยังโตต่อเนื่อง

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

TAGGED ON