"ซีพีเอฟ" เตรียมออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ดอกเบี้ย 5 ปีแรก 5.50 - 5.65% ต่อปี - Forbes Thailand

"ซีพีเอฟ" เตรียมออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ดอกเบี้ย 5 ปีแรก 5.50 - 5.65% ต่อปี

“ซีพีเอฟ” (CPF) ผู้ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ คาดว่าจะเสนอขายในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2566 ให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไปผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 10 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ด้วยอัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรก [5.50 - 5.65]% ต่อปี ชูอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรที่ “A+” และอันดับความน่าเชื่อหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ที่ “A-” โดยทริสเรทติ้ง

    

    บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ผู้ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร ภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” เตรียมออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท (“หุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ”) ให้กับผู้ลงทุนทั่วไป ด้วยอัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรก [5.50 - 5.65]% ต่อปี และคาดว่าจะเสนอขายในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2566 

    ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง โดยหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ดังกล่าว ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ A- และอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรที่ A+ แนวโน้ม Negative จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 สะท้อนถึงสถานะความเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมระดับโลกของบริษัทฯ ตลอดจนการมีฐานการผลิตที่กระจายตัวอยู่ในประเทศต่างๆ รวมถึงการมีสินค้าและตลาดที่หลากหลาย

    สถาบันการเงินผู้จัดจำหน่ายให้ความเห็นว่า “หุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ” ของ “ซีพีเอฟ” จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าหุ้นกู้ทั่วไป ที่มีความเข้าใจในการลงทุนหุ้นกู้ระยะยาวแบบหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ และต้องการลงทุนในบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับประเทศที่มีการลงทุนทั้งในและต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนให้มีความหลากหลาย ซึ่งความน่าสนใจของหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ “ซีพีเอฟ” นั้น นอกจากจะได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ A- และอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรที่ A+ จากทริสเรทติ้ง บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายในการเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้วิสัยทัศน์ที่จะมุ่งสู่การเป็น "ครัวของโลก" อย่างแข็งแกร่ง ด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารในระดับสากล

    ทั้งนี้ “ซีพีเอฟ” เป็นผู้ผลิตด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร (Feed-Farm-Food) มีฐานการผลิตใน 17 ประเทศทั่วโลก และเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารไปกว่า 40 ประเทศ ครอบคลุม 5 ทวีปทั่วโลก โดยจำแนกประเภทธุรกิจหลักของบริษัทฯ ได้เป็น 3 ประเภท คือ 1.ธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) 2.ธุรกิจเลี้ยงสัตว์และแปรรูป (Farm and Processing) และ 3.ธุรกิจอาหาร (Food) ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็น “ครัวของโลก” ซีพีเอฟจึงได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ที่ทันสมัย สนับสนุนการผลิตและการแปรรูปเนื้อสัตว์อย่างมีคุณภาพ ขยายการผลิตอาหารพร้อมรับประทานเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ 

    รวมไปถึงการคิดค้นนวัตกรรมด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มาซึ่งระบบการผลิตที่ปลอดภัย มีสินค้าที่สามารถตอบสนองความพึงพอใจและพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้ เช่น หมูชีวา ซึ่งเป็นหมูที่มีไขมันดีและมีโอเมก้า 3 สูง ไก่เบญจา ซึ่งเป็นไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้องคัดพิเศษเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพ และอาหารประเภทโปรตีนทางเลือก (Plant Base Food) และยังให้ความสำคัญในการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างเหมาะสมด้วยความใส่ใจในผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน

    ขณะเดียวกัน “ซีพีเอฟ” ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมา “ซีพีเอฟ” ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืน หรือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน เป็นการตอกย้ำการดำเนินงานของบริษัทฯ ด้วยความรับผิดชอบ จากการบริหารจัดการกระบวนการผลิตอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิตและใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหาร และเป็นเครื่องยืนยันว่ามาตรฐานการพัฒนาด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ เทียบเท่ามาตรฐานระดับโลกและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล 

    และล่าสุดบริษัทฯ ยังได้รับ 3 รางวัลอันทรงเกียรติระดับภูมิภาคจากงาน Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) 2023 ประกอบด้วย รางวัลองค์กรยอดเยี่ยม (Corporate Excellence Award) รางวัลแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจยอดเยี่ยม (Inspirational Brand Award) และรางวัลผู้นำองค์กรยอดเยี่ยม (Master Entrepreneur Award) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอาหาร เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคทั่วโลก ด้วยกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า สะท้อนวิสัยทัศน์ “ครัวของโลก”

    

    อ่านเพิ่มเติม : 

แกร็บฟู้ด เปิดตัวบริการใหม่ “DINE-IN” ชูคอนเซ็ปต์ “อิ่ม คุ้ม ครบ จบทุกเรื่องกินที่ร้าน    ​ไม่พลาดบทความแล

ะเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine