“จูเลียส แบร์” มองโอกาสลงทุนโลกยังไปได้ มั่นใจไพรเวทแบงกิ้งตอบโจทย์ความมั่งคั่ง - Forbes Thailand

“จูเลียส แบร์” มองโอกาสลงทุนโลกยังไปได้ มั่นใจไพรเวทแบงกิ้งตอบโจทย์ความมั่งคั่ง

ถึงแม้สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกมีปัจจัยลบมากมาย แต่ผู้นำธุรกิจบริหารความมั่งคั่งรายใหญ่มองว่ายังมีโอกาสในการลงทุนและทำกำไร เพราะปัจจัยลบหลายอย่างไม่รุนแรงอย่างที่คิด ทั้งเรื่องพลังงานในยุโรปและผลต่อเนื่องจากสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาล้ม



    หลังจากธนาคารไทยพานิชย์ได้ร่วมทุนกับ จูเลียส แบร์ ผู้ให้บริการด้านบริหารความมั่งคั่งรายใหญ่จากสวิตเซอร์แลนด์ เปิดบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ในไทยมาเป็นเวลา 5 ปี โดยเปิดตัวครั้งแรกก่อนสถานการณ์โควิดไม่นาน หลังจากนั้นก็เผชิญสถานการณ์โควิดกว่า 3 ปี ทำให้ ไม่สามารถขยายธุรกิจได้ตามเป้าหมาย

    แต่ล่าสุดสถานการณ์คลี่คลายผู้บริหารไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ได้ประกาศแผนธุรกิจปี 2566 และในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ยืนยันถึงความมั่นใจต่อโอกาสในการลงทุนเพื่อบริหารความมั่งคั่งว่า จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่อาจเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดตามสภาวะตลาดและสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป


โอกาสลงทุนยังเปิด

    Philipp Rickenbacher ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จูเลียส แบร์ กรุ๊ป กล่าวว่า สถานการณ์โลกในหลายประเทศมีความท้าทายจริง แต่ก็ยังมีโอกาสในการลงทุน เพราะปัจจัยหลายอย่างไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด เช่นที่ยุโรปสถานการพลังงานไม่ถึงขั้นวิกฤต

    “เรามองโลกแง่บวกเชื่อว่าการลงทุนยังทำได้ แต่ก็ต้องสุขุมและระมัดระวัง แบงก์แข็งแรงกว่าเมื่อปี 2008 มาก ทั้งในสหรัฐอเมริกา และสวิสเซอร์แลนด์” ซีอีโอจูเลียส แบร์ ย้ำ


    เขายังบอกด้วยว่า จูเลียส แบร์ เป็นสถาบันบริหารความมั่งคั่งที่แข็งแรงเป็นอันดับ 1 ในแง่ของการเป็นผู้บริหารความมั่งคั่ง แม้ว่าในแง่มาร์เก็ตแคปเป็นอันดับ 2 แต่หากมองที่การบริหารเวลธอย่างเดียว จูเลียส แบร์เป็นผู้นำ และมีเอกลักษณ์ในการบริหารความมั่งคั่งที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากยุโรป และยังให้ความสำคัญกับตลาดเอเชียเป็น 1 ใน 4 ตลาดหลักของโลก

    “จูเลียส แบร์ มีความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในเอเชีย ซึ่งนับเป็นบ้านแห่งที่สองของเรา และประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เราให้ความสำคัญในการขยายบริการ

    เรามองว่ายังคงมีโอกาสอีกมากมายสำหรับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในไทย ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง จูเลียส แบร์ และธนาคารไทยพาณิชย์ ผ่านการดำเนินธุรกิจของไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จะสร้างประสบการณ์ด้านการบริการความมั่งคั่งแบบเหนือระดับให้กับลูกค้า

    โดยผสานความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสากลของจูเลียส แบร์ เข้ากับจุดแข็งของธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของประเทศ ที่มีความเข้าใจกลุ่มลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง และเครือข่ายที่กว้างขวางช่วยให้เราสามารถให้คำแนะนำที่ตรงเป้าหมายได้อย่างล้ำสมัย และมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับตลาดเมืองไทย”


ความมั่งคั่งสู่เอเชีย


    กฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าว่าโลกเราใน 5-10 ปีนี้ ความมั่งคั่งย้ายจากยุโรปมาเอเชีย โอกาสที่คนระดับกลางขยับขึ้นสู่ระดับบนมีอยู่มากมาย มูลค่ามีความมั่งคั่งวันนี้อยู่ที่ 2.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

    ในอีก 3-5 ปีคาดว่าจะเพิ่มเป็น 4.7 ล้านล้านเหรียญ มองที่ประเทศไทยคาดว่าจะโต 3-5% และปัจจุบันไทยพาณิชย์มีลูกค้า 17 ล้านคน กำลังเติบโตและก้าวสู่การเป็น universal bank เป็นโอกาสทั้งไทยและเอเชียที่จะก้าวต่อไปใน 3 ปี เม็ดเงินจะอยู่ในลูกค้าระดับบน ดังนั้นการบริหารความมั่งคั่งองค์รวมจะยังคงเติบโตในระยะยาว


    “จูเลียส แบร์ 134 ปี เอสซีบี 117 ปี เรามีดีเอ็นเอเหมือนกันเป็นแนวทางที่ใช่ เรามองระยะยาวคิดกันยาวๆ จูเลียส แบร์ พร้อมลงทุนทำให้ลูกค้ามั่นใจ ไม่ใช่การทำงานแบบฉาบฉวย” กฤษณ์ ย้ำและว่า ปัจจุบัน SCB WEALTH มีฐานลูกค้าเวลธที่มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป กว่า 400,000 ราย รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (High Net Worth Individuals) เป็นส่วนแบ่งการตลาดกว่า 40%

    และมีแผนงานขยายฐานลูกค้าให้เติบโตอย่างต่อเนื่องมากกว่า 12% ต่อปี โดยเฉพาะในกลุ่ม young affluent ที่มีความสนใจในการวางแผนการลงทุนที่เติบโตต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินการลงทุนที่หลากหลาย และเป็น open architecture

    นอกจากนี้ยังรวมถึงการขยายฐานลูกค้านักลงทุน digital investors ผ่านการพัฒนา wealth platform ที่ตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนที่ครบวงจร ตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี มีฐานลูกค้า digital investors กว่า 1.3 ล้านราย โดยมี ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูง (UHNWIs/ HNWIs) ทำให้ไทยพาณิชย์สามารถต่อยอดในการทำธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) และสามารถช่วยวางแผนการเงินให้กับลูกค้าได้เต็มรูปแบบและครบวงจร

    และมั่นใจว่าไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จะสามารถสร้างการเติบโตและผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า เป็นสัญลักษณ์แห่งความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือที่ลูกค้าสามารถเชื่อมั่นในศักยภาพอันไร้ขีดจำกัด และทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถครองอันดับหนึ่งในการเป็นดิจิทัลแบงก์ด้านการบริหารความมั่งคั่งได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมมอบประสบการณ์ให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทางให้กับลูกค้า สอดคล้องกับกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch


คลื่นลูกใหม่เวลธ


    ลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า “สำหรับในปี 2566 นี่การปรับนโยบายการเงินเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังจากที่มีการใช้นโยบายที่ตึงตัวอย่างมากในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ กระบวนการ Disinflationary ในสหรัฐ ยังคงดำเนินต่อไป แต่ยังคงมีความผันผวนในระดับสูงจากความเปราะบางเชิงโครงสร้างในด้านอุปทาน

    กลยุทธ์การลงทุน จึงแนะนำให้เข้าลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่คุณภาพดี ลดการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง (High yield Bond) ขณะที่การลงทุนในหุ้นแนะนำให้ใช้กลยุทธ์แบบ Barbell คือลงทุนทั้งในกลุ่มที่เป็น Secular growth ที่ยังคงมีการเติบโตที่ดีผสมกับหุ้นคุณภาพที่เป็นกลุ่มปลอดภัย (Defensive) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้น้ำหนักการลงทุนเชิงบวกคือกลุ่มเทคโนโลยี (Technology) กลุ่มสุขภาพ (Healthcare) และกลุ่มสื่อสาร (Communication)

    ในปีนี้เพื่อเดินหน้าสู่คลื่นลูกใหม่ของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูง ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ นำกลยุทธ์ “The New Wave of Wealth” มาใช้เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ ตอกย้ำจุดยืนของการเป็นผู้นำด้านบริหารความมั่งคั่ง ซึ่งครอบคลุมและครบวงจรที่สุด เพื่อเจาะกลุ่มทายาทคนรุ่นใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 3 แกนสำคัญได้แก่

    1. Onshore & Offshore Investment: ลูกค้าไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ สามารถลงทุนทั้งในประเทศ (Onshore) และต่างประเทศ (Offshore) ซึ่งถือเป็น House แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่สามารถดูแลและให้บริการแบบครบวงจร

    2. Human Touch: บริการที่เข้าใจกลุ่มลูกค้าคนไทยอย่างแท้จริง ด้วยผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ หรือ Relationship Manager (RM) คนไทยที่มีความรู้ ความเข้าใจตลาดเมืองไทย เข้าใจความต้องการของลูกค้าทั้งในเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิตและแนวคิดของคนไทยด้วยกัน พร้อมที่จะให้บริการได้ทันทีด้วยการให้บริการแบบ Human Touch โดยมีเทคโนโลยีมาสนับสนุน (Human Touch with Digital Support)

    3. Seamless Access: การให้บริการผ่าน Open Product Platform ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย และการวางแผนการส่งต่อความมั่งคั่ง (Wealth Planning) รวมทั้งบริการที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถลงทุนได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด ตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคล (Tailored made) และเข้าถึงการลงทุนทั่วโลกได้อย่างแท้จริง



    นอกจากนี้ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ยังเตรียมเปิดหลักสูตร “The 45 Academia” เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มทายาทนักธุรกิจและกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ (Next Generation) พัฒนาศักยภาพของตนเอง และเตรียมความพร้อมการสืบทอดธุรกิจให้อย่างยั่งยืน ขึ้นแท่นผู้นำแห่งอนาคต (Leader of Tomorrow)

    ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ เชื่อมั่นในกลยุทธ์ “The New Wave of Wealth” คลื่นลูกใหม่ของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูง ด้วยการเชื่อมโลกแห่งการลงทุนทั้ง On-Shore และ Off-Shore เข้าไว้ด้วยกันแบบไร้รอยต่อ ด้วยการดูแลและให้บริการด้านการลงทุนแบบมืออาชีพ คุณภาพของบุคลากรที่ได้มาตรฐานสากล

    ด้วยแพลตฟอร์มการลงทุนของจูเลียส แบร์ และความเข้าใจในตลาดไทยของไทยพาณิชย์จะสามารถทำให้ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ สร้างการเติบโต และผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับกลุ่มลูกค้า UHNWIs และ HNWIs ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าภายใน 3 ปี จะสามารถขึ้นแท่นผู้นำ International Private Banking ที่มีความเป็นเลิศด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร ให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (UHNWIs และ HNWIs) ของเมืองไทย


อ่านเพิ่มเติม: KKP Research แจง “8 โจทย์เศรษฐกิจที่ยังตามหา" จากนโยบายพรรคการเมือง


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine