กำพล อดิเรกสมบัติ SCB CIO ชี้ 3 กลยุทธ์หลักปรับพอร์ตการลงทุนในภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย รอจังหวะสะสมหุ้นสหรัฐ เน้นสะสมหุ้นกลุ่ม Reopening in ASEAN รองรับการเปิดเมืองของแต่ละประเทศ
![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/กำพล-อดิเรกสมบัติ_0503.jpg)
รอทิศทางขาขึ้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงหลัก คือ ราคาน้ำมันในตลาดโลก และ การปิดเมืองในจีนที่อาจส่งผลกระทบต่อ supply chain โดย SCB CIO ประเมินว่า หากราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่เร่งตัวไปมากกว่าในกรอบ 100-110 USD/barrel ในช่วงครึ่งหลังของปี อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะเริ่มชะลอลงตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้ความจำเป็นของเฟดที่จะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ส่งสัญญาณในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้ จะมีค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม การปิดเมืองเข้มข้นในเมืองเศรษฐกิจหลักของจีนเป็นความเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อโลกที่ต้องระมัดระวังในช่วงที่เหลือของปี กำพล กล่าวถึงการปรับพอร์ตการลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดคิดว่าเศรษฐกิจกำลังถดถอยว่า “SCB CIO แนะนำ 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ กลยุทธ์ Cash amidst uncertainty ในช่วงที่รอความชัดเจนจากเฟด เรายังคงแนะนำให้มีเงินสดใน portfolio สัดส่วนประมาณ 5%-10% และกลยุทธ์ Cost pass through to maintain profit margin ในกลุ่มตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว แม้จะมีมุมมอง Neutral แต่เราชอบตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่สามารถส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นได้ โดยมีการเติบโตของค่าจ้างเป็นตัวช่วย ทั้งยังรอจังหวะสะสมหุ้นสหรัฐฯ เมื่อมีความชัดเจนมากขึ้นจากเฟด และกลยุทธ์ Reopening in ASEAN เราปรับมุมมอง หุ้นไทย เป็น Positive หลัง valuation กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ในขณะที่การเปิดเมือง มีความคืบหน้าต่อเนื่อง เราเชื่อว่าการเปิดประเทศของไทยจะทำให้กำลังซื้อในประเทศเริ่มฟื้นตัว จนพร้อมรับดอกเบี้ยขาขี้นได้ในปี 2566 ซึ่ง ธปท. น่าจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 และคงมุมมอง Positive ต่อ กลุ่มกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อาเซียน (Asian REITs)” สำหรับมุมมองด้านค่าเงินบาท SCB CIO ประเมินว่า US dollar index อยู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 20 ปีและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่ยังขาดดุล ส่งผลแรงกดดันทำให้เงินบาทไทยอ่อนค่า น่าจะรุนแรงสุดในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ แต่ในระยะข้างหน้า การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยน่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นตามการคาดการณ์การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมกับ US dollar index ที่น่าจะเริ่มชะลอตัวลงบ้างหลังมีความชัดเจนจาก dot plot ของเฟดในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ โดยคาดการณ์ USDTHB เคลื่อนไหวในกรอบ 33.75-34.5 ในไตรมาส 2 ปีนี้และเริ่มแข็งค่าขึ้นในกรอบ 33-34 ในช่วงครึ่งหลังของปี นอกจากนี้ SCB CIO ยังคงมุมมอง Positive กับตลาดหุ้นเวียดนาม ประเมินความผันผวนเป็นปัจจัยระยะสั้นเนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามมีนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ลงทุนหลัก แต่การฟื้นตัวของการส่งออก และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ จะยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการ ยังเติบโตต่อเนื่อง และยังคงมุมมอง Neutral ต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนที่ยังคงถูกกดดันจากนโยบาย Zero COVID policy อ่านเพิ่มเติม: ตลาดฟื้น “โนเบิล” ทำพรีเซลไตรมาสแรกโต จับมือกลุ่มบีทีเอสเปิด “โนเบิล ครีเอทไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine